Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Powered by Blogger

เดทแรกไปไหนกันดีน๊า???


ไม่ว่าใครก็ตามเวลามีนัดเดททีไรก็ชวนกันไปกินข้าวทุ๊กที แล้วก็ต่อด้วยดูหนัง กินข้าว ดูหนัง ดูหนัง กินข้าว เป็นอย่างนี้ตลอด วันนี้เราก็เลยมีสถานที่แนะนำเป็นสถานที่ที่คุณสามารถสวีทได้ไม่แพ้ใต้แสงเทียนของร้านอาหาร หรือในความมืดของโรงหนังเลย


1. อ้าปากหัวเราะกันดังๆ ให้สบายใจ ทลายกำแพงความเขินอายด้วยการชวนกันไปดูโปรแกรมอะไรตลกๆ อย่างพวกทอล์คโชว์ขำๆ ที่เดี๋ยวนี้มีออกเยอะแยะ ดูแล้วก็กไปหัวเราะกันให้สนุก ขำให้มันสุดๆ ปลดปล่อยเสียงหัวเราะแบไม่ต้องเขิน เขาจะได้รู้ว่าคุณเป็นสาวอารมณ์ดีไง

2. ดูละครเวทีสดๆ บ้าง ผละจากจอเงิน มาเป็นดูละครเวที หรือการแสดงศิลปวัฒนธรรมแบบสดๆ จะวิ่งกันไปมาให้เห็นบนเวที มีให้ดูเยอะแยะ บ้างก็มาเปิดการแสดงจากต่างประเทศก็มี นอกจากจะสนุกฉีกจากอะไรจำเจเดิมๆ แล้ว งานแบบนี้ยังหาดูไม่ได้ง่ายๆ ไม่มีวีซีดีทำขายด้วย จบแล้วจะได้เป็นความทรงจำของคุณตลอดไป

3. ใครว่ามดขึ้นลานไอซ์ไม่ได้ ลานไอซ์สเก็ตเวลาที่ใครได้เข้าไปอยู่ในนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนเราได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง มีชีวิตชีวาสดใส ได้เล่นได้หยอกล้อกันไป โรแมนติกดี ยิ่งในเดทแรกมันจะช่วยสร้งความรู้สึกดีๆ ให้กันตลอด รับรองว่าหลังจากนั้นความสัมพันธ์จะราบรื่นสุดๆ

4. กีฬาฮาเฮ สาวๆ ก็ยอมหนุ่มๆ บ้างสักครั้งเถอะ งานนี้ถ้าไม่รู้จะชวนคุยอะไร ก็ทำเป็นแกล้งโง่ ถามเรื่องเกมกีฬานั้นไปเลยก็ได้ นอกจากเขาจะรู้สึกดีกับคุณแล้ว เขายังรู้สึกว่าคุณเข้ากับเขาได้ดี ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีแต่หวานจนเลี่ยนอย่างเดียว แต่มีความห้าวนิดๆ อยู่ในตัวด้วย

5. สไตร์คหัวใจเขา ด้วยการชวนกันไปเล่นโบว์ลิ่ง การไปเบ่นโบว์เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้สังเกตท่วงท่าของของ ทั้งกล้ามแขน ลำตัว ก้นงอน และหุ่นของเขาว่าดูดีขนาดไหน นอกจากนี้บรรยากาศที่สนุกสนานอาจทำให้คุณได้แปะมือกับเขาหรือเลยเถิดไปถึงขั้นกอดฉลองกันอีกด้วย จะได้หายเกร็งกัน

6. ห้องเรียนรัก ไปหาอะไรสนุกๆ ที่ไม่เคยรู้กันทั้งคู่แล้วลงเรียนด้วยกันซะเลย อย่างหัดทำอาหารอินเดียด้วยกัน เรียนเต้นรำ หัดยิงปืน วาดรูป ดำน้ำ คุณจะได้สร้างเรื่องที่สามารถคุยกันได้รู้เรื่องแค่สองคน เป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยกัน

7. เรื่องกินขาดไม่ได้อยู่ดี นโปเลียนบอกเอาไว้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องสุดท้ายก็หนีไม่พ้นอยู่ดีนั่นแหละ แต่ลองเลือกร้านอาหารที่มีอะไรสนุกๆ ให้เล่นไปด้วย อย่างพวกร้านสุกี้ ไอติมผัดได้ ที่ให้คุณได้มี่อะไรทำร่วมกัน เพิ่มสีสันให้บรรยากาศรอบตัว

เห็นไม๊ล่ะคะว่าลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง ทำไมเรารต้องทำซ้ำๆ กับเดทครั้งก่อนด้วยล่ะ จริงมั๊ยเอ่ย!!!!



ทริปการดูแลเท้าแบบง่ายๆ

1. ล้างเท้าให้สะอาดเสมอ โดยเฉพาะที่ง่ามนิ้วควรเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง อย่าทาโลชั่นที่ง่ามนิ้วเพราะจะเป็นเชื้อรา

2. ควรเลือกซื้อรองเท้าที่ไม่สบาย วัสดุต้องนิ่ม เบา ระบายอากาศ

3. อย่าใส่รองเท้าที่คับหรือหลวมเกินไป เวลาเลือกซื้อรองเท้าควรไปตอนบ่ายๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เท้าขยายตัวมากที่สุด

4. ควรมีรองเท้าที่เหมาะสำหรับกิจกรรมแต่ละอย่างโดยเฉพาะการออกกำลังกาย ต้องมีรองเท้าที่รองรับน้ำหนักได้ดี

5. ถ้าต้องนั่งบนเครื่องบิน หรือรถยนต์นานๆ ให้ใส่รองเท้าหลวมๆ หน่อยเพราะเท้าจะขยายถ้าอยากถอด รองเท้าก็ควรหาถุงเท้าคู่ใหม่ไปใส่ทับไว้ป้องกันกลิ่นรบกวนคนข้างๆ

6. รองเท้าทุกคู่ ควรหมั่นเอาออกผึ่งแดดผึ่งลมบ้าง อย่าปล่อยให้อับชื้น และปล่อยให้เป็นที่สะสมของกลิ่นและเชื้อโรค

7. ควรหาโอกาสเหยียบคลึงฝ่าเท้าบนลูกเทนนิสหรือกระป๋องน้ำอัดลมเป็นวิธีแก้เมื่อยได้ดีสำหรับสาวส้นสูง

8. ควรจะต้องทาครีมกันแดดที่บริเวณเท้าด้วยทุกครั้ง เวลาเดินเล่นตามชายหาด

9. เวลาไม่สบาย หรือได้เข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาล ควรล้างสีเล็บมือและเท้าออกให้หมดเพราะเวลาที่เราหมดสติไป พยาบาลสามารถสังเกตสีเล็บได้ว่าเราอยู่ในอาการที่ปลอดภัยดีหรือเปล่า

10. อย่าใส่รองเท้าคู่เดิมๆ ทุกวันควรมีเปลี่ยนบ้างจะได้ไม่ต้องถูกกดจุดเดิมๆ ซ้ำซากทุกวัน




วิธีเลือกตัดผมตามราศีเกิด










สำหรับสาวๆ ที่คิดอยากเปลี่ยนทรงผม แต่ไม่รู้จะทำทรงไหนดี ลองเปลี่ยนวิธีเลือกทรงผมใหม่ จากที่ดูเทรนด์ของคนอื่นเค้ามา เปลี่ยนมาเป็นเลือกตัดทรงผมตามราศีกันดีกว่ามั๊ยคะ นอกจากจะได้ผมทรงใหม่ที่สวยเก๋แล้วอาจจะทำให้อะไรๆ ในชีวิตดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกไงล่ะคะ


สำหรับสาวที่เกิดราศีมังกร ควรตัดผมหน้าม้าเสมอคิ้ว เพิ่มประกายสดใสเส้นผมด้วยสีน้ำตาลประกายส้มหรือน้ำตาลช็อกโกแลต ทำให้แลดูเป็นสาวน้อยวัยหวานไปเลยนะคะนี่

สาวราศีกุมภ์ ดัดผมเป็นลอนคลื่นนุ่มสลวย แล้วเพิ่มสีสันด้วยสีบลอนด์อ่อน ประกายหมอกเหลือบเขียว กลายเป็นสาวหวานปนเซ็กซี่นิดๆ ไงคะ

สาวราศีมีน ซอยสไลด์ทั้งศีรษะแต่ไม่สั้นมากปล่อยด้าน หลังให้ยาวระดับบ่า ด้านหน้าตัดขอบเฉียงปิดตา 1 ข้าง ทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าค้นหา จัดทรงปล่อยเส้นผมให้เป็นอิสระ เพิ่มสีสันด้วยน้ำตาลอ่อนประกายชมพู ก็เป็นทรงผมนึงที่เท่ห์ไม่หยอกเลยค่ะ

สาวราศีเมษ ปล่อยด้านข้างยาวกว่าปลายคาง จับเซต ออกมาในลักษณะของการสลับไขว้กันไปมาให้ดูโฉบเฉี่ยว เพิ่ม ชีวิตชีวาด้วยสีหมอกน้ำเงิน ไฮไลต์สีบลอนด์อ่อน กลายเป็นสาวเปรี้ยวสไตล์สาวฮอลลีวู้ดเลยใช่มั๊ยคะ

สาวราศีพฤษภ ผมหยิกแบบเปิดหน้าผากตั้งแต่ช่วงหน้าผากลงมาควรให้ยาวเกินคางมาสัก 2 - 3 ซม. จะช่วยให้หน้าดูเด่นและคมขึ้น ไฮไลต์ช่วงลอนด้วยสีบลอนด์อ่อนมากที่สุดเพื่อให้ตัดกับสีเข้มของด้านบน ก็จะกลายเป็นสาวสวยที่น่าค้นหาจริงๆ เลย

สาวราศีเมถุน ผมซอยเป็นม้าระดับลูกตา ด้านข้างไว้จอนเป็นประกายถึงปลายคาง ด้านหลังซอยบาง ๆ คล้ายผมรากไทร ไฮไลต์สีบลอนด์อ่อนประกายแดงทองเป็นช่อ ๆ ทั้งศีรษะ เฮ้!!! แฟนนึกว่าควรสาวญี่ปุ่นเที่ยวแน่นอนเลยคราวนี้

สาวราศีกรกฎ ตัดทรงบ๊อบประยุกต์ ไฮไลต์เป็นช่อ ๆ ด้วยสีแดง สวยเป็นสาวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวน่าดูเลย

สาวราศีสิงห์ ผมซอยสั้น เน้นความยาวของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะชี้ขึ้นมาเป็นแนวคล้ายครีบปลา แต่งแต้มสีสันด้วยสีบลอนด์จาง ๆ จิ๊กกี๋ตัวจริงก็คือสาวราศีนี้นี่เองค่า

สาวราศีกันย์ ทรงผมไม่ว่าจะเป็นผมปล่อยธรรมชาติหรือรวบแบบไม่ตั้งใจเสมือนเพิ่งตื่นนอนจัดแต่งให้ดูนุ่มนวลมีน้ำหนักและพลิ้วไหว ทำสีบลอนด์ผสมม่วงประกายมุก หวานซะไม่มีเลยใช่มั๊ยคะ

สาวราศีตุลย์ ให้ปลายผมชี้ออกเสมือนปล่อยเส้นผมให้เป็นอิสระ เพิ่มสีสันด้วยการใช้สีดำรองพื้นและไล่สีประกายชมพูเข้ม กลายเป็นสาวพั้งค์ที่สวยที่สุดไปเลยค่ะ

สาวราศีพิจิก สไลด์ผมให้สั้นกว่าระดับกรอบหน้าเพื่อให้ ดูเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ทำสีบลอนด์อ่อนประกายแดงมะฮอกกานีผสมสีบลอนด์กลางประกายแดงมะฮอกกานี คุณผู้ชายเห็นแล้วต้องระวังหัวใจตัวเองให้ดี จะละลายก็เพราะผมทรงนี้ของสาวราศีพิจิกแน่นอน

สุดท้ายก็สาวราศีธนู ควรเปิดหน้าผากกว้างและมีไรผมพองาม เติมสีสันเพิ่มเสน่ห์ให้เส้นผมด้วยแบบผมยาวประบ่า ทำโลว์ไลต์สีชมพูผสมสีเขียว น่ารักสดใสจังเลยค่ะ


ลูบไล้ครีมเพื่อผิวสวยใส

สวัสดีค่ะชาว I Woman ที่รัก วันนี้มีเรื่องความงามมาฝากกันอีกแล้วค่ะ สำหรับสาวๆ ที่อยากมีหน้าสวยใส และคิดว่าสาวๆ แต่ละคนคงจะสรรหาผลิตภัณท์ความงามมาบำรุงผิวหลากหลายรูปแบบ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักครีมแต่ละชนิดอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นเรื่องที่จะเอามาฝากวันนี้ก็เพื่อที่สาวๆ จะได้ทำความรู้จักกับครีมชนิดต่างๆ ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำกันไงละคะ

1. ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer)
เป็นครีมบำรุงผิวหน้า ที่สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ถ้าจะให้ดีควรใช้เฉพาะกลางวัน โดยแต้มเนื้อครีมให้ทั่วใบหน้าแล้วใช้มือไล้เพียงบางๆ ก่อนที่จะลงมือแต่งหน้า

2.อายครีม (Eye Cream)

เป็นครีมที่ใช้บำรุงผิวรอบๆ ดวงตา ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางที่สุด อายครีม จึงเป็นครีมที่มีความบางเบาเป็นพิเศษ เพื่อผิวบริเวณนี้โดยเฉพาะ เพราะผิวรอบดวงตา มักจะบอบบาง และแพ้ได้ง่าย

3.ครีมรองพื้น (Foundation Cream)

ครีมตัวนี้ไม่ได้เป็นตัวช่วยบำรุงผิวหน้าแต่อย่างใด เพียงแต่จะช่วยกลบเกลื่อนริ้วรอยต่างๆ และจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้หน้าเรียบเนียน และจะเป็นตัวช่วยยึดติดกับแป้ง ทำให้เมื่อทาแป้งแล้ว นอกจากผิวจะดูเรียบเนียนสวยใสยังทำให้แป้งติดทนนานอีกด้วย สำหรับครีมรองพื้นนี้จะมีทั้งแบบชนิดครีม ชนิดน้ำ หรือชนิดโฟม แล้วแต่จะเลือกใช้ให้ตามความถนัดและตามลักษณะผิว

4.ครีมกันแดด (Sunscreen)

เป็นครีมที่ใช้ทาเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน กระตุ้นการเกิดฝ้าและกระ รวมถึงโรคมะเร็งผิวหนัง ครีมกันแดดจะสามารถช่วยปกป้องผิวให้พ้นาจากการทำลายของแสงแดด ครีมแต่ละชนิดจะมีส่วนผสมสารป้องกันรังสี UV อยู่แล้ว เพียงแต่เราสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสภาพแสงที่เราจะได้รับโดยจะมีค่า SPF เป็นตัวบอกว่าครีมแต่ละชนิดสามารถจะปกป้องแสงได้ขนาดไหนนี้ไว้แล้ว

5.ครีมล้างหน้า (Cleansing Cream)

สำหรับสาวที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำ การล้างหน้าที่มีเครื่องสำอางอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การจะใช้สบู่เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถล้างเครื่องสำอางที่เกาะติดแน่นทนนานเพื่อความงามตลอดวันนั้นโดยง่าย เพราะเครื่องสำอางบางชนิดจะผสมสารกันน้ำอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นครีมล้างหน้าจึงมีบทบาทสำคัญมากเพราะสามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจด ซึ่งครีมล้างหน้าก็จะมีอยู่หลายชนิด บางชนิดที่มีราคาสูงหลังจากเช็ดครีมด้วยสำลีหรือกระดาษเนื้อนุ่มแล้วก็ล้างน้ำธรรมดาได้เลยแต่ครีมบางชนิดเมื่อเช็ดออกแล้วต้องล้างด้วยสบู่หรือโฟมอีกครั้ง หน้าจึงสะอาดสะอ้านดังเดิม

6.ไนท์ครีม (Night Cream)

เป็นครีมที่ใช้ทาหน้าเพื่อบำรุงผิวระหว่างนอนหลับพักกผ่อนตลอดคืน ไนท์ครีมมักมีความเหนียวข้น และมีความมัน ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องดูแลผิวให้ชุ่มชื้นสดใสจนถึงเช้าวันใหม่

7.บอดี้ครีม (Body Cream)

เป็นครีมทาตัว ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังดูสดใสขึ้น ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ลดการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวที่เป็นขุยขาวๆ หายไป บอดี้ครีมใช้ทาหลังอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้งแล้วทา ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

8.แฮนครีม (Hand Cream)

เป็นครีมสำหรับทาบำรุงมือ เพื่อช่วยให้ผิวบริเวณมือไม่เหี่ยวย่นเพราะมือเป็นส่วนที่สัมผัสกับความร้อนและเย็นมากที่สุดการล้างมือทุกครั้งทำให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิว มือจะแห้งหยาบกร้าน โดยครีมตัวนี้จะทาหลังการล้างมือทุกครั้ง หรือทาระหว่างวันก็ได้

บรรดาครีมต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็เป็นครีมที่ คุณสาวๆ ส่วนใหญ่จะรู้จักและเคยใช้หรือใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีครีมอีกหลากหลายชนิด อันได้แก่ ครีมขัดหน้า ครีมนวดหน้า ครีมพอกหน้า ครีมลอกหน้า เป็นต้น แต่ครีมเหล่านี้ เราควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญตามสถาบันความงามเป็นผู้ดูแลให้เราน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าเราใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไป ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อผิวของเราเองได้

ป้องกันการเกิดรังแค

สำหรับใครๆที่ชอบใส่เสื้อสีเข้มแล้วสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอีกอย่างหนึ่งก็คือรังแค เพราะถ้าเกิดเป็นรังแคแล้วรับรองว่าหมดสวยแน่นอน ต่อให้จะแต่งหน้าสวย ใส่เสื้อแบรนด์เนม ผมยาวสลวย แค่เป็นรังแคอย่างเดียว ก็ตกม้าตายได้เหมือนกัน ใครที่ไม่อยากให้ผมมีรังแค วันนี้มีวิธีหลีกเลี่ยงการเกิดของรังแคมาบอก

- สระผมด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้หนังศีรษะไม่แห้งและลอกเป็นขุย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค ยังทำให้ผมดูนุ่มสลวย เงางามอีกต่างหาก

- หลีกเลี่ยงแสงแดดที่จัด เพราะแสงแดดตัวการสำคัญที่ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะแห้ง เส้นผมชี้ฟู ขาดน้ำหนัก และไม่เงางาม

- นวดบำบัดขจัดรังแค ทุกครั้งที่สระผมควรนวดศีรษะเบา ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้ว ยังสามารถขจัดเซลล์หนังศีรษะที่ตายให้หลุดลอกได้ง่ายขึ้น

- เลือกยาสระผมให้เหมาะสม ควรใช้ยาสระผมที่ช่วยขจัดรังแคอย่างสม่ำเสมอ และควรล้างแชมพูให้สะอาดทุกครั้งหลังสระผม เพื่อขจัดสารเคมีที่ตกค้างบนหนังศีรษะ

- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของธาตุสังกะสี วิตามินบี ซี และอี อยู่เสมอ เพื่อใช้ในการบำรุงหนังศีรษะ

ไดร์ผมตรงสวยด้วยตัวเอง


สำหรับสาวๆ ที่ไว้ผมยาว ก่อนจะออกจากบ้านแต่ละครั้งจะต้องพิถีวพิถันอย่างมากกว่าจะออกบ้านได้ ผมตรงจะสวยได้นั้น เส้นผมต้องได้รับการดูแลอย่างดีเสียก่อน เพราะผมตรงจะสังเกตเห็นข้อบกพร่องของเส้นผมได้ค่อนข้างชัด ส่วนขั้นตอนการเซ็ตผมก็สำคัญไม่น้อย ถ้าเราไม่รู้วิธีแต่อยากสวยก็จำเป็นต้องเสียทรัพย์ไปให้กับร้านทำผมไปให้เค้าหนีบไปให้เค้าไดร์ ถ้าไม่อยากเปลืองตังค์ ก็ลองมาดูวิธีการเซ็ตผมอย่างมืออาชีพกันดีกว่าค่ะ

1. หลังสระผมแล้ว เช็ดผมให้แห้ง แล้วใช้มูส หรือ Thickening Cream ลูบให้ทั่ว เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม

2. สางผม ใช้หวีซี่ห่างๆ สางผมให้ทั่ว จะช่วยให้ครีมที่ช่วยเพิ่มความพองตัวกระจายทั่วถึง ตั้งแต่รากจรดปลายผม

3. แบ่งผมออกเป็น 5 ส่วนเท่าๆ กัน รวบผมขึ้นมาติดกิ๊บไว้แล้วไดร์ทีละส่วน

4. แปรงแล้วเป่า แกะช่อผมออกมา แล้วสอดแปรงกลมขนาดใหญ่ลงใต้ผมส่วนนั้น ค่อยๆ ลากแปรงจากลงมาตรงๆ จากโคนถึงปลายอย่างใจเย็น โดยใช้ความร้อน และลมปานกลาง ถ้าลมแรงหรือร้อนเกินไป จะทำให้ผมแห้งฟู ไม่เรียบตรงอย่างที่ต้องการ จากนั้นจึงวางแปรงที่ด้านบน แล้วแปรงลงมา ในขณะที่เป่าให้แห้งจะช่วยเพิ่มความนุ่มสลวยให้กับเส้นผม ทำแบบเดียวกันกับเส้นผมช่ออื่นๆ จนครบ

5. แต่งทรงให้เรียบสลวย ถ้าคุณเป็นคนผมหนา ให้บีบเจลหรือครีมแต่งผม ใส่ที่ฝ่ามือ แล้วลูบเบาๆ ที่เส้นผม จะช่วยกำราบผมตั้งชี้ได้ ส่วนคนผมเส้นเล็ก เซรั่มแบบไม่มีน้ำมัน สามารถใช้ได้ดีแต่แวกซ์ หรือครีมใส่ผมที่มีความมันมากๆ จะทำให้เส้นผมลีบเยิ้ม และหมดสวยได้



แต่งตัวสวยมีสไตล์ไม่ตกยุค



















การแต่งตัวดี ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ก่อนที่จะออกไปปฎิบัติภารกิจใดๆ นอกบ้าน จะทำให้รู้สึกมั่นใจ เมื่อมั่นใจซะอย่างจะพูด หรือทำอะไร ก็ย่อมได้รับการยอมรับ ได้รับความเชื่อถือ มากกว่าคนที่ไม่มีความมั่นใจแม้แต่ในเรื่องเสื้อผ้าหรือบุคคลิกของตัวเอง แม้ว่าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือทรงผม ล้วนแต่ถูกจัดให้เป็นเรื่องของแฟชั่นกันไปหมด แต่การแต่งตัวให้ดูดี เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามกระแสแฟชั่นเสมอไป ไม่อย่างนั้น มีหวังกระเป๋าฉีกกันไปตาม ๆ กัน แต่อยู่ที่การนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวของเราเองมากกว่า ถ้ารู้จักเลือกหยิบโน่นใส่นี่หยิบนี่ใส่นั่นก็สวยกว่าสไตล์เกาหลีที่เค้ากำลังอินกันอยู่เดี๋ยวนี้ ถึงแม้ว่าจะสวยในสไตล์ของตัวเองได้อย่างไร กูรูด้านแฟชั่นเค้าก็แนะนำไว้อย่างนี้ค่ะ

1. ลองรื้อค้นตู้เสื้อผ้า แล้วดูสิค่ะว่า เสื้อผ้า รองเท้าหรือกระเป๋าใบไหนที่เป็นคู่โปรด หรือชุดเก่งของคุณ และคัดแยกประเภทที่คุณไม่ค่อยได้ใช้ออกมา คุณก็ค้นพบความเป็นตัวขอตัวเองมากขึ้น

2. คงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดัง ราคาสูงลิ่ว แล้วจึงจะมั่นใจ แต่การนำแนวคิดที่เป็นสากล มาปรับให้เข้ากันกับสไตล์ของแต่ละคน จุดนี้ต่างหาก ที่คุณจะได้รับประโยชน์จากการดูแฟชั่น

3. การแต่งตัวในยุคนี้ ผู้หญิงมีทางเลือกมากขึ้น จึงไม่ควรจำกัดตัวเองกับการแต่งตัวรูปแบบเดียว ชุดทำงานอาจดูขรึมขลังหน่อย เพื่อเสริมมาดหญิงมั่น แต่ในวันหยุด คุณอาจจะลุกขึ้นมาแต่งแบบสไตล์สาวเปรี้ยว หรือจะเป็นสาวหวาน สดใส ด้วย เสื้อผ้าสีสด คุณก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ตามใจชอบ ขอให้มีความมั่นใจที่จะใส่เท่านั้นแหล่ะค่ะ

ขอเพียงมั่นใจที่จะแต่ง ศึกษาหาข้อมูล ในการที่จะแต่งตัวให้ดูดีในสไตล์ของตัวคุณเอง คุณก็ไม่มีปัญหากับการที่ต้องวิ่งตามกระแสแฟชั่นกันแทบทุกฝีก้าว และมั่นใจได้ว่าสวยอย่างมีสไตล์แน่นอนค่ะ ก็คนใส่มั่นใจซะอย่าง


วิธีหนีความอ้วน

ความอ้วน เปรียบเสมือนมะเร็งเนื้อร้ายที่เกาะกินทำลายจิตใจของของเจ้าของเรือนร่าง จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วนเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และมีอายุสั้นกว่าอายุเฉลี่ยของคนทั่วๆ ไป โรคที่พบบ่อยในคนอ้วนคือ ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคข้อกระดูกเสื่อม โรคของระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งบางชนิดและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ถ้าใครรักตัวกลัวตาย อย่าได้เอาชีวิตเราไปเสี่ยงกับความอ้วนกันเลยดีกว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะหลีกหนีความอ้วนได้ ถ้าที่อ้วนอยู่แล้ว หรือเห็นท่าว่ากำลังจะอ้วนมาใช้ยุทธวิธีนี้ในการกันดีกว่า สามารถให้เราลดน้ำหนักได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน หรือว่าไปพึ่งพาสถาบันลดน้ำหนักให้เสียเงินเสียทองเปล่าๆ

1. ทำตัวให้คล่องแคล่วทุกเมื่อ อย่าปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่า ๆ หรือมัวนั่งเซ็ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่งาน หรือที่บ้าน พยายามเคลื่อไหวตัวให้มากที่สุด จะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น

2. ไม่จำเป็นต้องเลิกของหวาน ถ้าคุณติดรสหวานหอมของช็อกโกแลต หรือขนมไทย ๆ อย่างทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทอง ก็ไม่จำเป็นถึงขั้นที่คุณต้องตัดขาด เพราะยิ่งอด ก็จะยิ่งอยาก และยิ่งควบคุมใจยาก การทานนาน ๆ ครั้ง ไม่ได้ทำให้แผนลดน้ำหนักของคุณต้องล้มเหลวลงหรอก ถ้าคุณขยันออกกำลังกายมากขึ้นในสัปดาห์นั้น

3. ดื่มน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำในช่วงตื่นนอน นอกจากทำให้คุณสดชื่น และช่วยระบายท้อง ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีขี้น ช่วยลดความอึดอัด ในท้องได้ การดื่มน้ำในระหว่างวัน ก็ช่วยไม่ทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยชาจากการรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ

4. ทานอาหารมื้อเล็กๆ การทานอาหารมื้อเล็กๆ ห้าถึงหกมื้อ โดยทอดเวลาห่างกันซักสองสามชั่วโมงจะช่วยทำให้คุณไม่รู้สึกเฉื่อยชา เมื่อต้อง รับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ

5. ไม่ควรชั่งน้ำหนักบ่อยๆ การชั่งน้ำหนักตัวทุกวัน ทำให้คุณเกิดความเครียด และอาจท้อแท้ จนเลิกล้ม ความพยายามไปเปล่า ๆ ทางที่ดีคุณควรชั่งน้ำหนัก สัปดาห์ละครั้งก็พอแล้ว

6. อย่าตุนอาหารเต็มตู้เย็น ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต คราวหน้า ลดปริมาณของที่ซื้อมาตุนในตู้เย็นลง เพราะยิ่งคุณมีของกินในบ้านมากขึ้น คุณก็ยิ่งกินมากขึ้น
7.ฟังเพลงเรียกเหงื่อ การฟังเพลงที่เร้าใจ ตอนออกกำลังกาย จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

8. หันมากินข้าวกล้อง นอกจากจะช่วยประหยัดไฟ ในการใช้สีข้าวให้ขาวจั๊ว ข้าวกล้องน่ะ ยังมีวิตามินดีๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่เพียบ เมื่อเทียบกับข้าวเม็ด ขาวสวย และที่สำคัญอยู่ติดท้องนานกว่า ทำให้อิ่มได้นาน

9. ตั้งใจและมุ่งมั่น อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผล ก็คือความรู้สึกท้อแท้ เมื่อเห็นน้ำหนักตัวไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็น บางทีเป็นเพราะคุณคาดหวังผลเร็วเกินไป แต่ขอให้เชื่อว่า การลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง ไม่เร่งให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ แม้ได้ผลช้า แต่ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพและยังได้ผลที่ถาวรกว่า

ดูแลหน้าอย่างไรให้สวยใส

ก่อนที่เราจะมารู้วิธี ถนอมผิวพรรณกัน เราต้องรู้สภาพผิวของเราเองให้ดีก่อนว่าเรามีสภาพผิวแบบไหน I Woman มีธีตรวจสอบสภาพผิวแบบง่ายๆ มาให้สาวๆ ทดสอบสภาพผิวหน้าของตัวเองกันก่อน โดยเริ่มจากการล้าง หน้าให้สะอาดหมดจด คุณสาวๆ จะต้องไม่ชโลมด้วยครีมบำรุงผิวหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้ผิวหน้าแห้งสัก 1 ชั่วโมง แล้วทีนี้ลองเอากระจกมาส่องดู ต้องหากระจกแบบขยายสุดๆ จะให้ดีต้องถือกระจกออกไปส่องที่ระเบียงหน้าบ้าน หรือทำในที่สว่างๆ กันสักหน่อย สำรวจใบหน้า ขอแนะนำให้ทำตอนช่วงกลางวันเราจะสามารถแยกแยะสภาพผิวได้ชัดเจนกว่า

1. คุณมีผิวแห้ง ถ้าสังเกตเห็นว่าหน้าคุณแห้ง แตกเป็นขุย และปรากฎริ้วรอยบนโหนกแก้ม
2. คุณมีผิวมัน ถ้าต่อมของไขมันใหญ่กว่าชาวบ้านเขา และ ยังขยันผลิตน้ำมันออกมาให้หน้าคุณดูมันเยิ้มไปทั่วใบหน้า
3. คุณมีผิวผสม ถ้าปรากฎความมันเฉพาะบริเวณทีโซน คือบริเวณจมูก คางและหน้าผาก ในขณะที่บริเวณแก้ม อาจจะดูแห้งได้

วิธีดูแลผิวในแต่ละสภาพผิว

1. สาวผิวมัน
เป็นความเข้าใจผิด ถ้าคิดว่าต้องล้างหน้ากันบ่อยๆเพราะการล้างหน้ายิ่งบ่อย ก็จะไปกระตุ้มการทำงานของต่อมไขมันมากขึ้น หมอผิวหนังส่วนใหญ่จะแนะนำให้ล้างหน้าวันละแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่มีสาร MAP ที่ช่วยลดความมัน ส่วนเกินแต่ไม่ทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติแต่ถ้าอยากจะประหยัดสตางค์ ลองสูตรนี้กันดูค่ะนำเปลือกแตงโม มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆนำไปปั่น กรองเอาแต่น้ำ นำมาล้างหน้า ทิ้งไว้สัก15 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดีทีเดียว หรือจะใช้สัปปะรดก็ได้นำเนื้อสัปปะรดเปรี้ยวๆสัก 1 เสี้ยว มาสับให้ละเอียด ถ้าคิดจะทุ่นแรงด้วยเครื่องปั่นก็ไม่ต้องปั่นให้ละเอียดนัก นำมาพอกหน้าแล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที ช่วยลดควมมันของใบหน้าได้แล้วยัง ช่วยให้ผิวดูสดใสอีกด้วย หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านี้ โยเกิร์ตที่เราทานเหลือติดก้นถ้วย นำมาทำมาส์คพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันได้อย่างดีเยี่ยม

2. สาวผิวแห้ง

ควรเลือกสบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ค่อนข้างอ่อน แต่ถ้ามีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วย จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือจะเลือกใช้ของธรรมชาติมาบำรุงผิว ก็ไม่ยาก กล้วยสุกๆ นี่แหล่ะ เป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับสาวผิวแห้งได้เป็นอย่างดี วิธีเพิ่มความงามก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพียงนำกล้วยสุกมายีด้วยส้อมให้เละๆเข้าไว้ แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปสักเล็กน้อย แค่ก็พอเหลว นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้สัก20 นาทีแล้วจึงล้างออก เพียงแค่นี้ผิวก็จะสดใส มีน้ำมีนวลแล้วล่ะค่ะ

3. สาวผิวผสม

ใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ช่วยลดความมันส่วนเกินเฉพาะบริเวณทีโซน ส่วนบริเวณอื่น ที่ดูแห้งนั้น ใช้สบู่อ่อนๆ เพื่อรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิวไว้ ไม่ให้ผิวดูแห้งจนเกินไป ส่วนสูตรเพิ่มความงามตามธรรมชาติสำหรับผิวผสมนั้น แนะนำว่าให้ใช้แตงกวาบดละเอียด แล้วผสมกับนมสด ลูบไล้ให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงล้างออก ผิวหน้าจะนุ่มใสขึ้น

ผิวจะสวยใส ชวนมองนอกจากจะประณีตกับการล้างหน้าและพิถีพิถันกับการเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่เหมาะกับสภาพผิวกันแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทผักสดและผลไม้ ที่อุดมด้วยวิตามินสำหรับบำรุงผิวพรรณ นอนหลับให้เต็มอิ่มรวมทั้งการออกกำลังกายกันเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส มีน้ำมีนวล
และแลดูอ่อนเยาว์ตลอดกาล

เคล็ดลับการดูแลริมฝีปากให้เนียนนุ่มและอวบอิ่ม


ริมฝีปากนั้นเป็นจุดเย้ายวนให้ใครต่อใครหลงใหลในเสน่ห์ริมฝีปาก และยิ่งมีการแต่งเติมของสีสันลิปสติกแล้วยิ่งเป็นเพิ่มเสน่ห์อันน่าหลงใหลอีกอย่างหนึ่งของผู้หญิง แต่ริมฝีปากที่จะแลดูสุขภาพดีแม้ไม่พึ่งพาลิปสติกนั้นต้องเป็นริมฝีปากที่ดูสวยอวบอิ่มและชุ่มชื้น คงเป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลอีกหนึ่งอย่างบนใบหน้า ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มผู้พบเห็น บางคนที่เคยคิดว่าไม่สำคัญ ยังจะคิดแบบนั้นอีกไม่ได้แล้วไม่เช่นนั้นคุณจะกลายเป็นสาวสวยเจ้าของริมฝีปากแห้งซีดเต็มไปด้วยริ้วรอยไร้เสน่ห์แน่นอนเลยค่ะ


- ต้องการให้ริมฝีปากนุ่ม
ควรทาลิปบาล์ม หรือวาสลีนบนเรียวปากเป็นประจำ หรือไม่ก็ใช้ซีรั่มบำรุงเรียวปาก คลึงริมฝีปากก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นให้ริมฝีปากดูนุ่มและชุ่มชื้น และอย่าลืมดื่มน้ำและควรดื่มน้ำที่ สะอาด บริสุทธิ์ ประมาณ วันละ 8 - 10 แก้ว จะช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นจากข้างใน

- ริมฝีปากเนียน
ให้ขัดริมฝีปากสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันเด็ก ขนนุ่มสุด ๆ ขัดริมฝีปากในขณะที่แห้ง ขัดเบา ๆ ให้ทั่ว จะช่วยขจัดเซลล์เก่า ๆ ให้หลุดออก แล้วนวดด้วยวาสลีน จะช่วยให้ริมฝีปากเรียบเนียน ไม่แห้งแตกเป็นขุย

- ริมฝีปากไร้ริ้วรอย
ไม่อยากให้ริมฝีปากปรากฏร่องรอยเร็ววัน หมั่นฉีกยิ้มให้กว้างสุด แล้วขบฟันเข้าหากันให้แน่น ทำวันละ 20 ครั้ง จะช่วยบริหารเนื้อเยื่อที่พยุงผิวรอบปาก หรือแค่ยิ้มสวยทุกวัน ยิ้มให้มากเข้าไว้เหมือนเด็ก ๆ นอกจากช่วยบริหารเสน่ห์แล้ว ยังช่วยให้ริ้วรอยของเรียวปากไม่มาเยือนก่อนเวลาอันควร

- ริมฝีปากอวบอิ่ม ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีขาว วาดรอบปากบนเพื่อไฮไลต์ให้ริมฝีปากดูเต็ม แล้วเน้นขอบปากล่างด้วยดินสอสีน้ำตาล เสร็จแล้วใช้คอตตอนบัด เกลี่ยสีจากขอบปากบนลงบนเนื้อปาก แล้วใช้แปรงทาปากลงลิปสติกตามปกติ จะช่วยให้ปากอวบอิ่มขึ้น นอกจากนี้ การจูบชนิดเร่าร้อน ก็ช่วยนวดริมฝีปากให้ดูอิ่มเอิบ แดงระเรื่อ ได้เหมือนกัน ฉะนั้นจะรอช้าอยู่ใย สำหรับคนที่ยังไม่มีคนช่วยคงต้องรีบมองหาชายหนุ่มที่คุณอยากจูบให้เจอกันดีกว่า