1. จมอยู่กับอดีต ทุกคนเคยพลาด สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ความผิดพลาดครั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าคุณแก้ไขและผ่านมันไปได้เร็วไหน เมื่อคุณทำผิด ยอมรับและขอโทษ แก้ไขแล้วเดินไปข้างหน้า ถ้าคุณยังจมกับความรู้สึกผิดเดิมๆ คุณจะไม่กล้าที่จะทำงานใหญ่ๆ ชิ้นใหม่ๆ อีกเลย
2. บ้าอำนาจ คุณพยายามควบคุมทุกอย่างรอบตัวคุณอยู่หรือเปล่า? ทุกคนต้องคิด ต้องทำไปในทางที่คุณต้องการหรือเปล่า? ยอมรับความแตกต่างและสร้างสรรค์ของคนอื่นบ้าง แล้วคุณจะทำงานสบายขึ้น และเครียดน้อยลง
3. มักจะคิดว่าตัวเองน่าจะอยู่อีกที่หนึ่งเสมอ พอเช้าวันจันทร์ ก็อยากให้ถึงเย็นวันศุกร์เร็วๆ อยู่ที่ทำงานก็คิดว่านั่งทำงานที่บ้านอาจจะดีกว่า อาการสมาธิแตกซ่านของคุณ มักจะทำให้คุณสติไม่นิ่งพอจะคิดงานดีๆ ได้ เริ่มค้นสนใจและมีสติอยู่กับที่เป็นอยู่นั้น คุณจะมีความคิดสร้างสรรค์งานดีๆ อีกเพียบ
4. มองโลกในแง่ลบ อะไรๆ ก็ไม่ได้ไปหมดสำหรับคุณ ไม่ว่าจะไอเดียดี เก๋ ง่ายแค่ไหน คุณก็คิดแต่ว่านั่นคือสิ่งที่ยาก ไม่มีวันที่จะทำได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงมือทำ แค่คิดแบบนี้ก็เรียกว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งแล้วล่ะ
5. ไม่ร้องขอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้า “ได้ค่ะ” เป็นคำติดปากคุณตลอดทั้งวัน ก็คงต้องเหนื่อยหน่อยล่ะ รู้จักขอความช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ชีวิตคุณจะเหนื่อยล้าน้อยกว่านี้ มีเวลาและกำลังไปทำงานอื่นๆ ได้ อย่างนี้เขาเรียกว่าแบ่งงานเป็น
6. ยึดติดกับผลงานมากไป ถ้าคุณซีเรียสกับงาน และยึดผลของงานที่ออกมามากเกินไป คุณจะคาดหวังจากตัวเองและเพื่อนร่วมงาน ทำทุกอย่างเพื่อให้ผลออกมาอย่างที่ต้องการ แต่คุณลืมที่จะมีความสุขของขั้นตอนการทำงานไป
7. กลัวที่ต้องพูดในที่ชุมชน มีผู้เชี่ยวชาญเคยบอกว่า นี่คือความกลัวอันดับ 1 ของคนอเมริกัน จริงๆ แล้วนี่แหล่ะคือช่องทางที่จะทำให้คนอื่นรู้จักและเห็นความสามารถในตัวคุณ ฉะนั้นคุณควร เริ่มต้นหัดพูดหน้ากระจก แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นคุยต่อหน้าเพื่อน หรือไม่งั้นก็ลงสมัครคอร์สการพูดสักคอร์สหนึ่ง
8. หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ชีวิตการทำงานคือการใชชีวิตอีกสังคมหนึ่งของคนเรา และเป็นอีกที่หนึ่งที่ทำให้เรารู้จักแบ่งปัน คิดถึงคนอื่น ถ้าคุณคิดถึงแต่ตัวเอง คุณจะเป็นคนปิดกั้น เห็นแก่ตัว จนขาดแรงสนับสนุน และไม่ได้รับสิ่งดีๆ จากคนรอบข้าง
9. ทำงานเพื่อเอาใจคนอื่น คุณจะไม่มีวันทำงานนั้นให้ดีได้ ถ้าคุณทำงานนั้นเพราะคนอื่นอยากให้คุณทำ คนอื่นอยากให้คุณเป็น คุณต้องรักงานที่ทำนั้นจริงๆ ด้วยตัวและหัวใจของคุณเอง
10. ค้นหาความสมบูรณ์แบบตลอดเวลา ความสำเร็จทุกอย่างไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่มันขึ้นอยู่ว่าคุณจัดลำดับความสำคัญมันและพยายามทำมันอย่างไร ลดความคาดหวังลงสักนิด คุณจะทำงานอย่างมีความสุขขึ้น
แว็กซ์ขนใต้วงแขนให้เรียบเนียนสวยด้วยตัวเอง
เคยเห็นใต้วงแขนของดาราดังหลายๆ คนหรือเปล่าคะ แหมช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน ขาวเรียบเนียนไร้ขน ส่วนตัวเราเองอยากมีใต้วงแขนสวยแบบนั้นบ้างลองมาหลายวิธีแล้วก็ไม่ได้ดั่งใจใช่มั๊ยล่ะ ขอบอกเคล็ดลับการกำจัดขนแบบถอนรากถอนโคนนี้ต้องยกให้วิธีการแว็กซ์ (Wax) รับรองว่าวิธีนี้คุณจะได้ใต้วงแขนที่ขาวไร้ขนแถมเรียบเนียนตึงกระชับ สามารถยกแขนโชว์ใต้วงแขนกันได้อย่างไม่อายใครแล้วค่ะ
ก่อนลงมือแว็กซ์ สำหรับแว็กซ์ร้อน ให้แบ่งแว็กซ์ใส่ถ้วยพลาสติก และแช่ลงไปในถ้วยที่ใส่น้ำร้อนจัด และใช้ไม้พายคนให้แว็กซ์ละลาย หรือถ้าเป็นแว็กซ์ร้อนแบบโรลออนก็สามารถใช้แว็กซ์อุ่นในไมโครเวฟได้เลย ง่ายมาก จากนั้นเรามาดูขั้นตอนของการแว็กซ์กันเลยค่ะ
1. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ เช็ดใต้วงแขนให้สะอาด เพื่อให้คราบโรลออนและสิ่งสกปรกหลุดออกไปก่อนที่จะแว็กซ์
2. ใช้ไม้พายคนแว็กซ์ที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆ ทาลงบริเวณที่จะแว็กซ์ โดยทาไปตามแนวขน(สังเกตว่า ขนขึ้นไปตามแนวไหน ให้ทาไปตามแนวนั้น ห้ามทาย้อนขนเด็ดขาด)
3. ใช้ผ้าสำหรับแว็กซ์ที่มีลักษณะคล้ายผ้าดิบ หรือกระดาษแว็กซ์สำเร็จรูป วางทับลงไปบริเวณที่ทาแว็กซ์และกดให้แนบสนิทหรือตบเบาๆ ก็ได้
4. ดึงผ้าหรือกระตุกออกอย่างรวดเร็วโดยดึงให้ย้อนแนวขนขึ้นไป (ย้ำว่าต้องดึงเร็วๆ ถ้าช้าจะทำให้เจ็บ และขนจะออกไม่หมด) ขั้นตอนนี้ควรที่จะทำให้ต่อเนื่องกับขั้นตอนที่ 3 อย่างรวดเร็วที่สุด
5. แว็กซ์เสร็จ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดๆ เช็ดแว็กซ์ที่ติดอยู่ออกให้หมด และใช้มาสก์ทาใต้วงแขนเพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างให้หมดไปโดยทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก
6. ใช้สำลีชุบโทนเนอร์ให้ชุ่ม เช็ดใต้รักแร้อีกครั้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและกระชับรูขุมขนใต้วงแขนจากนั้นเราสามารถทาแป้งหรือใช้โรลออนได้ตามปกติ
ก่อนลงมือแว็กซ์ สำหรับแว็กซ์ร้อน ให้แบ่งแว็กซ์ใส่ถ้วยพลาสติก และแช่ลงไปในถ้วยที่ใส่น้ำร้อนจัด และใช้ไม้พายคนให้แว็กซ์ละลาย หรือถ้าเป็นแว็กซ์ร้อนแบบโรลออนก็สามารถใช้แว็กซ์อุ่นในไมโครเวฟได้เลย ง่ายมาก จากนั้นเรามาดูขั้นตอนของการแว็กซ์กันเลยค่ะ
1. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ เช็ดใต้วงแขนให้สะอาด เพื่อให้คราบโรลออนและสิ่งสกปรกหลุดออกไปก่อนที่จะแว็กซ์
2. ใช้ไม้พายคนแว็กซ์ที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆ ทาลงบริเวณที่จะแว็กซ์ โดยทาไปตามแนวขน(สังเกตว่า ขนขึ้นไปตามแนวไหน ให้ทาไปตามแนวนั้น ห้ามทาย้อนขนเด็ดขาด)
3. ใช้ผ้าสำหรับแว็กซ์ที่มีลักษณะคล้ายผ้าดิบ หรือกระดาษแว็กซ์สำเร็จรูป วางทับลงไปบริเวณที่ทาแว็กซ์และกดให้แนบสนิทหรือตบเบาๆ ก็ได้
4. ดึงผ้าหรือกระตุกออกอย่างรวดเร็วโดยดึงให้ย้อนแนวขนขึ้นไป (ย้ำว่าต้องดึงเร็วๆ ถ้าช้าจะทำให้เจ็บ และขนจะออกไม่หมด) ขั้นตอนนี้ควรที่จะทำให้ต่อเนื่องกับขั้นตอนที่ 3 อย่างรวดเร็วที่สุด
5. แว็กซ์เสร็จ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดๆ เช็ดแว็กซ์ที่ติดอยู่ออกให้หมด และใช้มาสก์ทาใต้วงแขนเพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างให้หมดไปโดยทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก
6. ใช้สำลีชุบโทนเนอร์ให้ชุ่ม เช็ดใต้รักแร้อีกครั้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและกระชับรูขุมขนใต้วงแขนจากนั้นเราสามารถทาแป้งหรือใช้โรลออนได้ตามปกติ
Posted by
i Woman Blog
Labels:
wax,
การกำจัดขน,
การแว็กซ์ขนด้วยตัวเอง,
ขั้นตอนการแว็กซ์
วิธีสังเกตความผิดปกติประจำเดือนแบบง่ายๆ
ประจำเดือน (menstruation) เป็นเลือดที่เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก มีฮอร์โมนสองชนิดคือ Estrogen และ Progesterone ควบคุมการสร้างและหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งระดับฮอร์โมนทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กับการตกไข่จากรังไข่ โดยแต่ละรอบเดือนจะมีช่วงเวลาประมาณ 26-30 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทำให้ประจำเดือน เกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง คุณสาวๆ ทราบหรือเปล่าว่าประจำเดือนของเราที่มาอยู่ทุกๆ เดือนนั้นมันปกติดีหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นแบบนั้นจนชินแล้วเลยไม่รู้ว่ามันคือความผิดปกติหรือว่ามันปกติดี ชักอยากรู้แล้วใช่มั๊ยเอ่ยขั้นแรกให้ลองเปรียบเทียบกับประจำเดือนปกติ ซึ่งมีลักษณะดังนี้
1. ระยะเวลาเลือดประจำเดือนออกจะอยู่ในราว 4 - 6 วัน หากนานกว่า 7 วันถือว่าผิดปกติแล้ว
2. ปริมาณเลือดประจำเดือนในแต่ละเดือนประมาณ 30 มล. ขึ้นไป แต่ถ้ามากกว่า 80 มล. ถือว่าผิดปกติ
3. ระยะห่างระหว่างประจำเดือนจะมีเวลาประมาณ 24 - 35 วัน
ถ้าหากเรามีลักษณะของประจำเดือนผิดไปจากที่กล่าวมานี้ เช่น มีปริมาณมากกว่าปกติ, รอบของประจำเดือนมีระยะเร็วกว่า 24 วัน หรือช้ากว่า 35 วัน, มีประจำเดือนปริมาณที่มากและนาน หรือมีไม่เสมอต้นเสมอปลาย บางครั้งเดือนนึงก็มาหลายครั้ง ให้ถือว่าเข้าข่ายประจำเดือนมาไม่ปกติแล้ว
สาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติของประจำเดือน
- เป็นความผิดปกติจากการสร้างฮอร์โมนของรังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูกหรือเป็นโรคบางอย่างเกี่ยวกับสมองที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของรังไข่
- มีสาเหตุมาจากโรคเลือดบางชนิด ที่เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเลือดแข็งตัวช้า หยุดไหลได้ยาก หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบางอย่างในโพรงมดลูก
วิธีการรักษาความผิดปกติของประจำเดือน
ควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา และข้อสำคัญคือ หากพบอาการผิดปกติอย่างนี้อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอีกต่อไปแล้วสำหรับการไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจภายใน เพราะในปัจจุบันนี้มีสูตินารีแพทย์ที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น คุณสามารถเข้ารับการรักษาและรับคำปรึกษาได้อย่างสะดวกและสบายใจขึ้น
Posted by
i Woman Blog
วิธีสระผมแบบมืออาชีพ
หลังจากที่เคยไปทำผมกับช่างผมมือโปรหลายๆ คน และแอบตีซี้ชวนคุยนั่นคุยนี่เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามของเส้นผม ทำให้รู้เคล็ดลับการสระผมหลายอย่าง ทำให้เราได้รู้ว่าวิธีสระผมเขาไม่ได้สระผมกันง่าย ๆ เหมือนการทำ 2 ขั้นตอนอย่างที่เราๆ ทำกันอยู่ทุกวันนี้ เขายังมีขึ้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้นมาอีก วันนี้เลยมีวิธีสระผมด้วยตนเองแบบมือโปรมาฝาก ที่ทำให้แค่การสระผมก็ทำให้เราสวยได้แล้ว
1. หวีผมก่อนสระ โดยใช้หวีแปรงซี่ใหญ่ๆ หวีเริ่มจากปลายแล้วสางไล่ขึ้นไปจนถึงหนังศีรษะ เสร็จแล้วก็หวีเสยขึ้นไปเพื่อนวดหนังศีรษะ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
2. เลือกแชมพูและครีมนวดผมให้เหมาะกับสภาพผมคุณ แล้วอย่าสระผมบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผมแห้งและแตกปลาย
3. อย่าเพิ่งล้างคอนดิชั่นเนอรืออก จนกว่าจะรู้สึกว่าครีมได้ซึมลงเส้นผมแล้ว หรือลองทาคอนดิชั่นเนอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่กลางถึงปลาย จะช่วยให้ผมนุ่มและเงางาม
4. อย่าเชื่อสิ่งที่เคยได้ยินมา อย่าง ผมจะชินกับแชมพูแค่ตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ถูกค่ะ เราสามารถที่จะสลับใช้แชมพูไปเรื่อยๆ ได้
5. การที่ผมเป็นสังกะตัง เกิดจากเราล้างพวกผลิตภัณฑ์ตกแต่งผมที่เราสระออกไม่หมด ลองใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อเส้นยผม แต่สะอาดล้ำลึก จะช่วยแก้วปัญหาได้
6. เวลาล้างผมครั้งสุดท้าย ควรใช้น้ำเย็นในระดับที่ทนได้ เพื่อให้เกล็ดผมปิดสนิท แล้วจะช่วยให้ผมเรียบ ไม่ชี้ฟู เงางาม
7. ถ้าคุกรเป็นคนที่มีปัญหาหยิก ชี้ ฟู เวลาสระผมเสร็จอย่าใช้ผ้าขยี้ผมอย่างรุนแรง ให้หาผ้าขนหนูมาห่อผม แล้วซับเบาๆ จะดีกว่า
1. หวีผมก่อนสระ โดยใช้หวีแปรงซี่ใหญ่ๆ หวีเริ่มจากปลายแล้วสางไล่ขึ้นไปจนถึงหนังศีรษะ เสร็จแล้วก็หวีเสยขึ้นไปเพื่อนวดหนังศีรษะ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
2. เลือกแชมพูและครีมนวดผมให้เหมาะกับสภาพผมคุณ แล้วอย่าสระผมบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผมแห้งและแตกปลาย
3. อย่าเพิ่งล้างคอนดิชั่นเนอรืออก จนกว่าจะรู้สึกว่าครีมได้ซึมลงเส้นผมแล้ว หรือลองทาคอนดิชั่นเนอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่กลางถึงปลาย จะช่วยให้ผมนุ่มและเงางาม
4. อย่าเชื่อสิ่งที่เคยได้ยินมา อย่าง ผมจะชินกับแชมพูแค่ตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ถูกค่ะ เราสามารถที่จะสลับใช้แชมพูไปเรื่อยๆ ได้
5. การที่ผมเป็นสังกะตัง เกิดจากเราล้างพวกผลิตภัณฑ์ตกแต่งผมที่เราสระออกไม่หมด ลองใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อเส้นยผม แต่สะอาดล้ำลึก จะช่วยแก้วปัญหาได้
6. เวลาล้างผมครั้งสุดท้าย ควรใช้น้ำเย็นในระดับที่ทนได้ เพื่อให้เกล็ดผมปิดสนิท แล้วจะช่วยให้ผมเรียบ ไม่ชี้ฟู เงางาม
7. ถ้าคุกรเป็นคนที่มีปัญหาหยิก ชี้ ฟู เวลาสระผมเสร็จอย่าใช้ผ้าขยี้ผมอย่างรุนแรง ให้หาผ้าขนหนูมาห่อผม แล้วซับเบาๆ จะดีกว่า
Posted by
i Woman Blog
เตรียมตัวก่อนจะไปทำสวย....ด้วยเทคโนโลยี
เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีแห่งความงามมีเยอะแยะมากมายชื่อแปลกๆ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ ไอพีแอล โบท็อกซ์ คอลลาเจน รีจูวีเนชั่น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง แต่สาวๆ หลายท่านก็อาจจะเคยผ่านการเข้ารับบริการด้านความงามเหล่านี้มาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาก่อนก็คงจะงง และสับสนไปหมด ว่าแต่ละอย่างควรมีวิธีการเลือกใช้หรือว่าควรจะศึกษาหาข้อมูลอะไรบ้าง ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาจากสถานที่ต่างๆ
ก่อนอื่นเราต้องดูตัวเองก่อนว่า ปัญหาอะไรที่เรากำลังเจออยู่ตอนนี้ จุดประสงค์ของการแก้ไขคืออะไร การรักษาเพื่ออะไร แล้วค่อยลงมือหาข้อมูลแต่ละอย่างกัน อย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะอย่างละเอียดก่อนว่าปัญหาของเรานั้น สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอะไรบ้าง เพราะว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ แพงๆ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน อย่าลืมศึกษาขั้นตอนในการรักษาแต่ละชนิดด้วย ว่าเราต้องทราบว่ามมีประสิทธิภาพแค่ไน แล้วต้องงรักษากี่ครั้งถึงจะเห็นผล ที่สำคัญเราต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ทำการรักษาให้เราด้วย เพราะว่าทั้งหมดนั้นส่งผลถึงตัวเราเองทั้งนั้น ถ้าเราตัดสินใจผิดพลาดแล้วอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ยังไงก็แล้วแต่เราต้องถามทุกอย่างจากแพทย์ที่เราเข้ารับการรักษาจนเรารู้สึกมั่นใจได้นั่นเอง
ก่อนอื่นเราต้องดูตัวเองก่อนว่า ปัญหาอะไรที่เรากำลังเจออยู่ตอนนี้ จุดประสงค์ของการแก้ไขคืออะไร การรักษาเพื่ออะไร แล้วค่อยลงมือหาข้อมูลแต่ละอย่างกัน อย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะอย่างละเอียดก่อนว่าปัญหาของเรานั้น สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอะไรบ้าง เพราะว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ แพงๆ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน อย่าลืมศึกษาขั้นตอนในการรักษาแต่ละชนิดด้วย ว่าเราต้องทราบว่ามมีประสิทธิภาพแค่ไน แล้วต้องงรักษากี่ครั้งถึงจะเห็นผล ที่สำคัญเราต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ทำการรักษาให้เราด้วย เพราะว่าทั้งหมดนั้นส่งผลถึงตัวเราเองทั้งนั้น ถ้าเราตัดสินใจผิดพลาดแล้วอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ยังไงก็แล้วแต่เราต้องถามทุกอย่างจากแพทย์ที่เราเข้ารับการรักษาจนเรารู้สึกมั่นใจได้นั่นเอง
Posted by
i Woman Blog
เคล็ดลับสำหรับสาวหางตาตก
พูดถึงเรื่องแต่งหน้าเนี่ย ส่วนที่ยากที่สุดก็คงจะไม่พ้นเรื่องดวตาหรอก แต่จะว่าไปก็เป็นดวงตาอีกนั่นแหละที่เป้นจุดดึงดูดที่สุด สำหรับสาวๆ ที่มีตาสวยๆ ก้คงไม่ใช่เรื่องยากซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเป็นคนหางตาตกล่ะ จะแต่งตายังไงให้ดูสวยขึ้นมาได้แบบง่ายๆ
ถ้าเราเป็นคนที่หางตาตก จะมีมีวิธีการแต่งหน้าที่ทำให้ดูสวย น่าสนใจโดยที่เราไม่อยากใช้อายไลเนอร์ให้มันยุ่งยาก โดยเวลาลงสีอายแชโดว์ถ้าเป็นคนที่มีดวงตาได้หรูปตามปกติก็สามารถลงอายแชโดว์ชิดขนตาไปได้หตลอดทั้งดวงตาเลย แต่สำหรับสาวๆ ที่มีหางตาตกแล้วแนะนำให้ลงอายแชโดว์ชิดขอบตาถึงแค่บริเวณที่หางตาเริ่มตกเท่านั้น ไม่ต้องลงสีตามขอบตาไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะเป็นการเน้นที่หางตา เราต้องลงสีโดยคงระดับไว้ตรงที่เราทามาตั้งแต่ขอบตาการทำแบบนี้จะช่วยสร้างเงาให้กับดวงตาทำให้ตาดูมีมิติมากขึ้น สีที่ใช้ต้องเป็นสีที่มีน้ำหนักของเนื้อสีมา เช่น สี Smoke เป็นต้น อีดวิธีหนึ่ง แนะนำให้ใช้มาสคาร่าเป็นตัวช่วยโดยการดัดขนตาให้ตรงช่วงหางตา งอนมากกว่าตรงหัวตาเล็กน้อย เน้นให้ตรงหางตาดูหนาขึ้นกว่าตรงหัวาตาด้วยเพื่อช่วยดึงให้ตาดูโต แล้วก็จะไพ้แก้ปัญหาหางตาตกได้
ทริป
เวลาปัดมาสคาร่าเราไม่จำกัดจำนวนครั้งว่าควรจะปัดกี่ครั้ง ถ้าเราต้องการให้ขนตาดูงอน ยาวเท่าไหร่ก็ปัดมากเท่านั้น จะให้ดีก็ปัดมาสคาร่าที่เป็นตัวบำรุงขนตาก่อนปัดมาสคาร่าสี จขนตาของเราจะยาขึ้น งอนขึ้น
ถ้าเราเป็นคนที่หางตาตก จะมีมีวิธีการแต่งหน้าที่ทำให้ดูสวย น่าสนใจโดยที่เราไม่อยากใช้อายไลเนอร์ให้มันยุ่งยาก โดยเวลาลงสีอายแชโดว์ถ้าเป็นคนที่มีดวงตาได้หรูปตามปกติก็สามารถลงอายแชโดว์ชิดขนตาไปได้หตลอดทั้งดวงตาเลย แต่สำหรับสาวๆ ที่มีหางตาตกแล้วแนะนำให้ลงอายแชโดว์ชิดขอบตาถึงแค่บริเวณที่หางตาเริ่มตกเท่านั้น ไม่ต้องลงสีตามขอบตาไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะเป็นการเน้นที่หางตา เราต้องลงสีโดยคงระดับไว้ตรงที่เราทามาตั้งแต่ขอบตาการทำแบบนี้จะช่วยสร้างเงาให้กับดวงตาทำให้ตาดูมีมิติมากขึ้น สีที่ใช้ต้องเป็นสีที่มีน้ำหนักของเนื้อสีมา เช่น สี Smoke เป็นต้น อีดวิธีหนึ่ง แนะนำให้ใช้มาสคาร่าเป็นตัวช่วยโดยการดัดขนตาให้ตรงช่วงหางตา งอนมากกว่าตรงหัวตาเล็กน้อย เน้นให้ตรงหางตาดูหนาขึ้นกว่าตรงหัวาตาด้วยเพื่อช่วยดึงให้ตาดูโต แล้วก็จะไพ้แก้ปัญหาหางตาตกได้
ทริป
เวลาปัดมาสคาร่าเราไม่จำกัดจำนวนครั้งว่าควรจะปัดกี่ครั้ง ถ้าเราต้องการให้ขนตาดูงอน ยาวเท่าไหร่ก็ปัดมากเท่านั้น จะให้ดีก็ปัดมาสคาร่าที่เป็นตัวบำรุงขนตาก่อนปัดมาสคาร่าสี จขนตาของเราจะยาขึ้น งอนขึ้น
Posted by
i Woman Blog
Labels:
แก้ปัญหาหางตาตก,
แก้หางตาตก,
แต่งหน้า,
มาสคาร่า,
วิธีการแต่งหน้า
เทคนิคการเลือกซื้อชุดชั้นใน
บ่อยครั้งเลยใช่มั๊ยคะ ที่เราซื้อชุดชั้นในมาแล้ว ตอนก่อนซื้อก็คิดว่าเลือกดีแล้ว ลองก็ลองแล้ว แล้วยังเป็นไซด์เดิมๆ ที่เคยใช้มาทุกที แต่พอถึงเวลาเอามาใช้จริงๆ กับรู้สึกใส่ไม่สบาย รู้สึกอัดอัด จะเอาคืนเค้าก็คงไม่รับคืนหร๊อก จะเอาทิ้งก็เสียดาย ถ้าใครไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้อีกในการเสื้อชั้นในใหม่ในครั้งต่อไป วันนี้เรามีเคล็ดลับในการเลือกซื้อชุดชั้นในมาฝาก...
1. ช่วงเวลา ในการเลือกซื้อเสื้อชั้นถ้าคุณเลือกซื้อในช่วง 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีประจำเดือน คุณอาจจะได้ขนาดที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ
2. ลองสวมใส่ คุณต้องลองสวมใส่เสื้อชั้นในตัวที่คุณจะซื้อก่อนทุกครั้ง ให้เลือกตัวที่ใส่แล้วกระชับพอดี และอย่าซื้อเสื้อชั้นในเพียงบอกไซส์แต่อย่างเดียวเด็ดขาด เพราะเสื้อชั้นในแต่ละแบบ แต่ละทรง จะออกแบบมาไม่เท่ากัน และไม่เหมาะสำหรับคนทุกคนเสมอไป
3. แบบตะขอ ถ้าหากว่าคุณมีรอบอกระหว่าง 34-48 นิ้ว คุณก็ควรเลือกซื้อชนิดที่มีฐานใต้โครงอก และเสื้อชั้นในแบบตะขอหน้า จะทำให้หน้าอกได้รูปสวย
4. ระดับของตะขอ เสื้อชั้นในที่จะใส่ได้พอดี ระดับอของตะขอหลัง ควรอยู่ใต้กระดูกสะบักหลัง ถ้าอยู่สูงหรือต่ำลงมาควรเลือกขนาดใหม่
5. ใช้นิ้วมือทดสอบ ลองใช้มือสอดเข้าไปในร่องอกดู ถ้าหากสวมเสื้อชั้นในแล้วไม่สามารถสอดนิ้วเข้าไปในร่องอกได้ ก็แสดงว่าเสื้อตัวนั้นมันคับเกินไป
6. เนื้อผ้า ที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าทั้งไซด์ ทั้งรูปแบบที่โอเคหมดแล้ว คุณยังควรเลือกเสื้อชั้นในที่มีเนื้อนุ่ม ยืดหยุ่นสบาย
ฉะนั้นครั้งหน้าถ้าได้ออกไปหาซื้อเสื้อชั้นในใหม่อีก อย่าลืมนำวิธีที่ได้แนะนำ ไปเลือกซื้อเสื้อชั้นในให้ได้ถูกใจไม่เสียตังค์ไปฟรีๆ ได้แล้วค่ะ
Posted by
i Woman Blog
วิธีสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
เมื่อคุณมีปัญหา รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ แล้วคุณก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครหรือไม่มีใครที่จะรับฟังปัญหาและไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนั้นเราลองมาพึ่งตัวเราเองดีกว่า เราต้องรู้จักสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ถ้าเราทำได้ เราก็สามารถแก้ปัญหานั้นได้หรือจะช่วยให้เราผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ นั้นไปได้ด้วยดี
1. อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น การทำแบบนั้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แต่อาจเกิดผลด้านลบได้ ให้ใช้วิธีเปรียบเทียบวันนี้กับสัปดาห์ที่แล้วแทน ว่าคุณมีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน
2. ถามตัวเองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นได้ผลหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ หรือว่าแผนมันใช้ไม่ได้ ก็หาคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว
3. ควรให้เวลากับตัวเองร้อยละ10 เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและอีกร้อยละ 90 เพื่อหาทางแก้ปัญหา เราอย่ามัวคิดแต่ว่า อะไรมันผิดพลาด หรือมัวแต่โทษว่าใครผิด
4. ทบทวนและทำการบันทึกแผนการที่คุณจะทำไว้อย่างละเอียด จะเป็นตัวช่วยย้ำเตือนให้คุณทำสิ่งที่ตั้งใจไว้
5. คิดหรือว่าคุยกับตัวเองในแง่บวกและสร้างสรรค์ ดีกว่าแง่ลบและทำลาย แค่เปลี่ยนถ้อยคำที่ใช้กับตัวเองให้ดีขึ้นก็สามารถจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
1. อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น การทำแบบนั้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แต่อาจเกิดผลด้านลบได้ ให้ใช้วิธีเปรียบเทียบวันนี้กับสัปดาห์ที่แล้วแทน ว่าคุณมีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน
2. ถามตัวเองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นได้ผลหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ หรือว่าแผนมันใช้ไม่ได้ ก็หาคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว
3. ควรให้เวลากับตัวเองร้อยละ10 เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและอีกร้อยละ 90 เพื่อหาทางแก้ปัญหา เราอย่ามัวคิดแต่ว่า อะไรมันผิดพลาด หรือมัวแต่โทษว่าใครผิด
4. ทบทวนและทำการบันทึกแผนการที่คุณจะทำไว้อย่างละเอียด จะเป็นตัวช่วยย้ำเตือนให้คุณทำสิ่งที่ตั้งใจไว้
5. คิดหรือว่าคุยกับตัวเองในแง่บวกและสร้างสรรค์ ดีกว่าแง่ลบและทำลาย แค่เปลี่ยนถ้อยคำที่ใช้กับตัวเองให้ดีขึ้นก็สามารถจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
Posted by
i Woman Blog
สัญญาณเตือนภัยแก่สาวอมควัน
บุหรี่ ราคาก็ขึ้นเอ้าขึ้นเอา แต่คุณก็ยังอดไม่ได้ ต้องสรรหามาสูบได้อยู่เรื่อย แต่ทุกครั้งที่ซื้อบุหรี่ซองใหม่มาสูบ อย่าลืมหาซื้อผ้าอนามัยอย่างแม๊กซี่พร้อมกันด้วยเลยนะคะ เพราะว่าการที่คุณสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำนั้นจะทำให้ประจำเดือนของคุณมามากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ทว่าการมาของประจำเดือนนั้น จะมาเพียงเดือนละ 2 วันเท่านั้น ซึ่งหมายความถึงความไม่ปกติของฮอโมนเพศด้วยนะ และที่สำคัญจากที่ได้สำผัสจากคุณสาวๆ รอบกาย หน้าตาค่อนข้างจะดูมีริ้วรอยและหยาบกร้าน ร่างกายก็ดูโทรม เพราะว่าการสูบบุหรี่นั้นมีผลทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ที่เป็นโครงสร้างของผิวหนังถูกทำลาย ทำให้เกิดผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอยได้มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ และยังทำให้ริมฝีปากคล้ำ ฟันดำ มีคราบบุหรี่ และมีกลิ่นปาก แถมเสียบุคคลิกภาพอีกด้วย นอกจากนี้คนที่สูบบุหรี่จะส่งผลถึงในอนาคต ถ้าหากอยากจะมีบุตรจะทำให้มีบุตรยาก แท้งง่าย เด็กคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวน้อย เมื่อลูกคลอดออกมามีโอกาสเป็นภูมิแพ้และโรคทางเดินหายใจได้มากกว่าแม่ที่ไม่สูบบุหรี่ ดังนั้น อยากจะเตือนหญิงไทยยุคใหม่ไว้ว่า “ถ้าอยากสวยสุขภาพดี ต้องไม่สูบบุหรี่”
Posted by
i Woman Blog
Labels:
ผ้าอนามัย,
ภัยของการสูบบุหรี่,
มีบุตรยาก,
อีลาสติน,
ฮอร์โมนเพศ
วิธีสร้างความประทับใจในรสจูบ
จูบ (Kiss) ใครคิดว่าไม่สำคัญ...แต่เมื่อคุณจูบฉัน..ทำไมถึงสั่นไปทั้งหัวใจ สำหรับใครที่คิดว่าไม่สำคัญ ทำลวกๆ ให้เสร็จๆ ไป รับรองไม่ได้รับความประทับใจแน่นอน เป็นผู้หญิงควรให้ความสำคัญกับการจูบ เพราะที่จริงแล้วรสจูบถือว่าเป็นเครื่องวัดค่าของผู้ที่จะมาเป็นคู่ควงของเราเหมือนกันนะจะบอกให้ มาดูวิธีสร้างความประทับใจในรสจูบดีกว่าค่ะ
1. กลั้นลมหายใจเข้าออกซักพัก เพราะหากจะเริ่มต้นจูบแต่ดันเจอลมหายใจที่มีกลิ่นล่ะก็จบกันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลย
2. คุณควรกำจัดลิปสติกสีสวยบนริมฝีปากคุณทิ้งซะ เชื่อมั๊ยว่าลิปสติกสีแดงแสนสวยของคุณทำให้เขาหมดความมั่นใจ
3. เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เป็นจังหวะๆ จากข้างแก้มมาสู่ริมฝีปากนุ่มๆ ที่สุดเซ็กซี่ของเขา
4. คุณอย่าทำปากจู๋เหมือนปลากำลังรอเหยื่อเด็ดขาด จงตั้งสติและปล่อยไปตามสบาย
5. คุมจังหวะลิ้น ปล่อยให้อารมณ์พาไป อย่าดันลิ้นเข้า-ออก เหมือนงูที่ทำตอนกำลังจ้องเหยื่ออย่างเด็ดขาด
6. อย่าปล่อยมือให้อยู่เฉยๆ ใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยการโอบไปข้างหลังแล้วค่อยๆ ดันตัวเขาให้เข้ามาใกล้
7. ตา จะเปิดหรือปิด ขึ้นอยู่กับคุณก็แล้วกัน แต่การเปิดตาเพื่อมองตาเขานั้นจะสร้างอารมณ์โรแมนติกได้เยอะกว่า
8. ปล่อยใจฝันหรือสร้างจินตนาการไปว่าคุณคือเจ้าหญิงน้อยๆ ที่เขาแสนรัก หรือเป็นสาวสุดเซ็กซี่ที่เขาโหยหา ง่ายๆ แค่นี้ จูบของคุณจะกลายเป็นจูบที่แสนประทับใจแล้วละค่ะ
Posted by
i Woman Blog
Labels:
Kiss,
การจูบให้ประทับใจ,
จูบ,
รสจูบ,
วิธีจูบ,
สร้างจินตนาการ
อยากถนอมดวงตาต้องทำอย่างไร
ดวงตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ หลายๆ คนคงเคยได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆ ใช่ไหมล่ะคะ ที่เค้าบอกไว้อย่างนี้ก็เพราะว่า ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกายของเราที่สามารถบ่งบอก หรือสามารถส่งภาษาที่ไม่ต้องมีคำพูดประกอบด้วยก็ได้ แต่ถ้าเราไม่รู้จักที่จะรักษาหรือว่าถนอมดวงตา ให้สดใส และให้มองเห็นได้ชัดเจนตลอดไป เราก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่จะพบกับปัญหาเกี่ยวกับสายตาที่เราไม่พึงปรารถนา และคงไม่มีใครหรอกที่อยากจะสูญเสียการมองเห็น ฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับดวงตาอันบอบบางของเรา ควรจะได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาเสียก่อน นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องหมั่นดูแลใส่ใจสุขภาพดวงตาให้อยู่คู่เราตลอดไป เรามีการถนอมดวงตามาฝากแล้วยังสามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
1. กวาดสายตา เรามองออกไปแบบไม่ต้องจ้องวัตถุใดวัตถุหนึ่ง โดยกวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกล ๆ เพื่อที่จะทำให้ดวงตาของเราได้ผ่อนคลายบ้าง
2. กะพริบตา ต้องหมั่นกะพริบตาบ่อย โดยทุกๆื 10 วินาที ควรกะพริบตา 1-2 ครั้ง เพื่อที่จะช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำเหลืองหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา
3. สร้างจินตภาพ โดยสร้างว่าตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างอยู่ื ที่มีสีสันสดใส มีรายละเอียดต่าง ๆ ชัดเจน สายตาที่คมชัดจากจินตนาการของเราเองจะช่วยเยียวยาสายตาจริง ๆ ของเราได้เป็นอย่างดี
4. ครอบดวงตา ด้วยการโค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉย ๆ นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย อยู่ในท่านี้สักประมาณ 10นาที
5. โฟกัสภาพที่ใกล้และไกล เหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุด ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกันตั้งนิ้วชี้มือขวา ให้ห่างจากใบหน้า สัก 3 นิ้ว โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา
6. หมั่นพักสายตา มองไปยังต้นไม้สีเขียว ทุกๆ 30 นาที ระหว่างที่เราทำงานเกี่ยวกับการใช้สายตาอยู่ตลอดเวลา เช่นการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
7.แกว่งตัว ยืนแยกเท้าห่างออกเท่ากับช่วงไหล่ของเราเอง แล้วแกว่งตัวไปมาจากซ้ายทีขวาที ทำอย่างนี้เรื่อยๆ และถ่ายน้ำหนักตัวลงบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้อง ปล่อยให้จุดที่เรามอง แกว่งไปมาซ้ายขวาตามการ
8. ชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่น หลังตื่นนอนทุกเช้าให้ใช้มือวักน้ำอุ่นชโลมดวงตาประมาณ 20 ครั้ง สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาของเราเอง
นอกจากวิธีถนอมดวงตาเหล่านี้จะช่วยได้แล้วเรายังต้องหาอาหารที่มีประโยชน์มาบำรุงสายตาของเราเองบ้างนะคะ จะเป็นการช่วยถนอมดวงตาอีกวิธีหนึ่งค่ะ
Posted by
i Woman Blog
Labels:
การถนอมดวงตา,
บำรุงสายตา,
วิธีผ่อนคลายดวงตา,
สุขภาพดวงตา
วิธีสร้างความสดชื่นขึ้นทันตา
1. ออกกำลังกายเบาๆ การออกกำลังกายเพียง 10 นาที ก็สามารถเพิ่มพลังให้คุณได้ทันทีนานหนึ่งถึงสองชั่วโมงหลังจากนั้น แถมยังทำให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย (ซึ่งดีกว่าการแทะเล็มช็อคโกแลตแทงมากนัก) หรือแค่กระโดดขึ้นลงไปมา ซึ่งไม่เพียงสนุกเท่านั้น ยังเป็นการออกกำลังกายส่วนล่างที่ดีมากวิธีหนึ่ง
2. สมองแจ่มใสด้วยมิ้นท์ กลิ่นเป๊ปเปอร์มิ้น และยูคาลิปตัสจะกระตุ้นสมองส่วนที่ทำให้เราตื่นตัว ให้เลือกแชมพูหรือครีมอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมของกลิ่นที่ว่ามาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อปลุกให้คุณกระฉับกระเฉงระหว่างอาบน้ำ หรือจะเลือกวิธีกระตุ้นที่เร็วกว่านั้นด้วย แผ่นฟิล์มใสดับกลิ่นปากบางยี่ห้อจะมี กลิ่นมิ้นท์ที่ให้ความรู้สึกเย็นซ่าเหมือนใส่เครื่องปรับอากาศย่อส่วนบนลิ้นเลยเชียว
3. สะสางสิ่งของ ถ้าไม่อยากให้ชีวิตรกรุงรัง ให้เริ่มสะสางลิ้นชัก จัดระเบียบโต๊ะทำงาน หรือตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่กระเป๋าสตางค์ของคุณ แม้วิธีนี้จะไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อธิบายแต่กล่าวกันว่าการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นระเบียบจะทำให้ตัวตนภายในของคุณเป็นระเบียบด้วย เหมือนวิธีบำบัดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะจัดระเบียบส่วนไหน ก็ไม่มีอะไรเสียหายและการสะสางชีวิตอาจทำให้คุณตื่นตัวมากกว่ากาแฟแพงๆ ซะด้วยซ้ำ แถมยังไม่ต้องเสียตังค์อีกตากหาก
4. ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า คืนความเปล่งปลั่งให้ผิวด้วยการเพิ่มความชุ่มชื่นแบบเร่งด่วนในรูปแบบของเจลต้านริ้วรอยที่ให้ความเย็นชุ่มฉ่ำเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยบางยี่ห้อก็จะประกอบด้วยน้ำแร่บริสุทธิ์และสารสกัดจากแพลงตอนเขตร้อน และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายตัวเพื่อเป็นอาหารของผิวโดยที่ให้ความชุ่มชื่นและสารอาหารตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหรือไม่ คุณก็จะรู้สึกเย็นผิวเหมือนมีลมทะเลพัดผ่าน
5. งีบเติมพลัง ปิดประตูห้องทำงาน (ถ้ามี) แล้วงีบหลับที่โต๊ะทำงานสัก 15 นาที ระหว่างพักเที่ยง คุณจะตื่นขึ้นด้วยความสดชื่นอีกครั้งและพร้อมจะสู้กับโลกเชียวล่ะค่ะ กล่าวกันว่ามันจะได้ผลดีกว่าการงีบหลับนานเป็นชั่วโมงซึ่งทำให้คุณรู้สึกเหมือนต้องการนอนมากขึ้น
6. จิบน้ำมะนาวในวันร้อน ทำน้ำมะนาวให้เปรี้ยวเท่าที่สามารถดื่มได้ โดยไม่ใส่น้ำตาล ดื่มดับกระหายได้เสมอและยังช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย
7. ทำผม เชื่อหรือไม่ว่าการทำผมให้ความรู้สึกสดชื่นกว่าการแต่งหน้าเต็มยศซะอีก ถึงแม้แต่งหน้าแย่ยังไงก็ไม่สร้างความรู้สึกวันนั้นได้เลวร้ายเท่ากับการทำผมแย่ ทรงผมจะถ้าทำดีจะช่วยให้มีชีวิตชีวาให้ภาพลักษณ์ของตัวคุณเองเกือบครึ่งนึงที่มีส่วนช่วยลดอายุคุณลงไปอีกหลายปี ยังไงคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าตัดผมเดือนละครั้งหรอก เพียงแค่รู้จักวิธีเปลี่ยนทรงผมใหม่อยู่บ่อยๆ ก็เพียงพอ แค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ทั้งหมดได้
8. หาเวลาพักร้อน เก็บเงินและหาเวลาพักร้อนไปแบบที่มีทำสปาด้วย ไปเที่ยวทะเลหรือรีสอร์ท การได้เปลี่ยนบรรยากาศจะทำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีและเติมพลังชีวิตได้อย่างเต็มล้นกว่าอย่างอื่น ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 วัน เพื่อดื่มด่ำกับสถานที่นั้นรวมถึงบรรยากาศและวิถีชีวิตผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการกินหรือการช๊อปปิ้งก็ตาม
9. อาบน้ำใต้ฝักบัว เริ่มวันทำงานด้วยการอาบน้ำใต้ฝักบัวและชโลมเจลกลิ่นส้ม เพื่อความสดชื่นเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ลองไปแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนของสปาสักแห่งก็น่าจะดี
10. เปลือยกายเดินไปมา อย่าพึ่งตกใจค่ะ ไม่ได้ให้คุณไปแก้ผ้าเดินในที่สาธารณะให้ใครตาเป็นกุ้งยิงกันค่ะ เพียงแค่ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินไปมาในห้องส่วนตัวแล้วเริ่มเต้นรำเป็นจังหวะเพลงโปรด ก็จะทำร่างกายตื่นตัวและแจ่มใสขึ้นทันที
2. สมองแจ่มใสด้วยมิ้นท์ กลิ่นเป๊ปเปอร์มิ้น และยูคาลิปตัสจะกระตุ้นสมองส่วนที่ทำให้เราตื่นตัว ให้เลือกแชมพูหรือครีมอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมของกลิ่นที่ว่ามาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อปลุกให้คุณกระฉับกระเฉงระหว่างอาบน้ำ หรือจะเลือกวิธีกระตุ้นที่เร็วกว่านั้นด้วย แผ่นฟิล์มใสดับกลิ่นปากบางยี่ห้อจะมี กลิ่นมิ้นท์ที่ให้ความรู้สึกเย็นซ่าเหมือนใส่เครื่องปรับอากาศย่อส่วนบนลิ้นเลยเชียว
3. สะสางสิ่งของ ถ้าไม่อยากให้ชีวิตรกรุงรัง ให้เริ่มสะสางลิ้นชัก จัดระเบียบโต๊ะทำงาน หรือตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่กระเป๋าสตางค์ของคุณ แม้วิธีนี้จะไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อธิบายแต่กล่าวกันว่าการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นระเบียบจะทำให้ตัวตนภายในของคุณเป็นระเบียบด้วย เหมือนวิธีบำบัดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะจัดระเบียบส่วนไหน ก็ไม่มีอะไรเสียหายและการสะสางชีวิตอาจทำให้คุณตื่นตัวมากกว่ากาแฟแพงๆ ซะด้วยซ้ำ แถมยังไม่ต้องเสียตังค์อีกตากหาก
4. ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า คืนความเปล่งปลั่งให้ผิวด้วยการเพิ่มความชุ่มชื่นแบบเร่งด่วนในรูปแบบของเจลต้านริ้วรอยที่ให้ความเย็นชุ่มฉ่ำเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยบางยี่ห้อก็จะประกอบด้วยน้ำแร่บริสุทธิ์และสารสกัดจากแพลงตอนเขตร้อน และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายตัวเพื่อเป็นอาหารของผิวโดยที่ให้ความชุ่มชื่นและสารอาหารตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหรือไม่ คุณก็จะรู้สึกเย็นผิวเหมือนมีลมทะเลพัดผ่าน
5. งีบเติมพลัง ปิดประตูห้องทำงาน (ถ้ามี) แล้วงีบหลับที่โต๊ะทำงานสัก 15 นาที ระหว่างพักเที่ยง คุณจะตื่นขึ้นด้วยความสดชื่นอีกครั้งและพร้อมจะสู้กับโลกเชียวล่ะค่ะ กล่าวกันว่ามันจะได้ผลดีกว่าการงีบหลับนานเป็นชั่วโมงซึ่งทำให้คุณรู้สึกเหมือนต้องการนอนมากขึ้น
6. จิบน้ำมะนาวในวันร้อน ทำน้ำมะนาวให้เปรี้ยวเท่าที่สามารถดื่มได้ โดยไม่ใส่น้ำตาล ดื่มดับกระหายได้เสมอและยังช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย
7. ทำผม เชื่อหรือไม่ว่าการทำผมให้ความรู้สึกสดชื่นกว่าการแต่งหน้าเต็มยศซะอีก ถึงแม้แต่งหน้าแย่ยังไงก็ไม่สร้างความรู้สึกวันนั้นได้เลวร้ายเท่ากับการทำผมแย่ ทรงผมจะถ้าทำดีจะช่วยให้มีชีวิตชีวาให้ภาพลักษณ์ของตัวคุณเองเกือบครึ่งนึงที่มีส่วนช่วยลดอายุคุณลงไปอีกหลายปี ยังไงคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าตัดผมเดือนละครั้งหรอก เพียงแค่รู้จักวิธีเปลี่ยนทรงผมใหม่อยู่บ่อยๆ ก็เพียงพอ แค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ทั้งหมดได้
8. หาเวลาพักร้อน เก็บเงินและหาเวลาพักร้อนไปแบบที่มีทำสปาด้วย ไปเที่ยวทะเลหรือรีสอร์ท การได้เปลี่ยนบรรยากาศจะทำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีและเติมพลังชีวิตได้อย่างเต็มล้นกว่าอย่างอื่น ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 วัน เพื่อดื่มด่ำกับสถานที่นั้นรวมถึงบรรยากาศและวิถีชีวิตผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการกินหรือการช๊อปปิ้งก็ตาม
9. อาบน้ำใต้ฝักบัว เริ่มวันทำงานด้วยการอาบน้ำใต้ฝักบัวและชโลมเจลกลิ่นส้ม เพื่อความสดชื่นเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ลองไปแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนของสปาสักแห่งก็น่าจะดี
10. เปลือยกายเดินไปมา อย่าพึ่งตกใจค่ะ ไม่ได้ให้คุณไปแก้ผ้าเดินในที่สาธารณะให้ใครตาเป็นกุ้งยิงกันค่ะ เพียงแค่ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินไปมาในห้องส่วนตัวแล้วเริ่มเต้นรำเป็นจังหวะเพลงโปรด ก็จะทำร่างกายตื่นตัวและแจ่มใสขึ้นทันที
Posted by
i Woman Blog
Labels:
การงีบหลับ,
การอาบน้ำ,
น้ำแร่บริสุทธิ์,
พักร้อน,
รีสอร์ท,
สปา
ข้อควรระวังการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
“ริ้วรอย” เป็นเครื่องยืนยันประสบการชีวิตของคนเราว่าล่วงเลยมานานแค่ไหนแล้ว แต่สำหรับสาวๆ ไม่ว่าวัยจะล่วงเลยไปเท่าไหร่ ทุกคนก็ไม่ปรารถนาจะให้มันมาเยือนบนใบหน้าใช่ไหมล่ะคะ จริงๆ แล้วริ้วรอยบนใบหน้าส่วนใหญ่จะเกิดจากการแสดงความรู้สึกและพฤติกรรมของตัวคุณเอง เช่นถ้าคุณชอบหยีตาบ่อยๆ ก็จะเกิดริ้วรอยตรงหางตา ถ้าคุณชอบหัวเราะบ่อยๆ ก็จะเกิดริ้วรอยตรงร่องแก้ม ส่วนริ้วรอยบนหน้าผากก็จะเกิดจากชอบเลิกคิ้วบ่อยๆ และริ้วรอยบนลำคอ ก็บอกให้รู้ว่าคุณเป็นคนชอบนอนหมอนสูงเกินทำให้คอพับมาข้างหน้าในขณะหลับนอน ถ้าเราทำพฤติกรรมเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ริ้วรอยก็โดนทำซ้ำๆ เรื่อยๆ แล้วจะเป็นร่องลึกขึ้น เห็นชัดขึ้น แล้วจะแก้ไขไม่ได้
ริ้วรอยหางตา
เป็นริ้วรอยเส้นบางๆ รอบๆ หางตา ที่เรียกเราเรียกกันว่าตีนกา บ่อยครั้งมักปรากฏกับคนที่ชอบหัวเราะมากๆ และเมื่อเจอแสงจ้าก็จะหยีตาก็จะทำให้เกิดริ้วรอยได้
ริ้วรอยบนเปลือกตาบน
ริ้วรอยเส้นบางๆ เกิดมาจากความแห้งมักจะเกิดขึ้นบริเวณนี้ ดังนั้น การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังบริเวณนี้จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ
ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยพับย่นใต้ตา บ่อยครั้งมักปรากฏบริเวณนี้ และทำให้ใบหน้าดูโรยล้า สาเหตุหนึ่งก็เกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนทำให้ดวงตาอ่อนล้า
ริ้วรอยระหว่างเรียวคิ้ว
ริ้วรอยนี้มักจะปรากฏกับบุคคลที่นิ่วหน้าเวลาครุ่นคิด หรือเพ่งมองเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง และทำให้สีหน้าเครียด ไม่สบายใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่หงุดหงิด หรือมองเรื่องใดๆ ในแง่ลบ
ริ้วรอยร่องแก้ม
เป็นริ้รอยลึกแนวยาว ปรากฏเป็นแนวพาดจากข้างจมูกลงมาจนถึงมุมปาก และก่อให้เกิดสภาพริ้วรอยแห่งวัย การทำมุมปากตก ห้อย ทำให้ใบหน้าดูมีความไม่พึงใจ ไม่สบายใจ คุณควรใส่ใจต่อลักษณะการหย่อนคล้อยของพวงแก้ม และรอบริมฝีปาก
ริ้วรอยบนหน้าผาก
เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า และทำให้ใบหน้าดูมีอายุขึ้น คุณจำเป็นต้องระมัดระวัง ถ้าคุณมีนิสัยชอบทำตาโตแอ๊บแบ๊ว ระวังหน้าผากจะเป็นริ้วรอยและจะดูแก่ก่อนวัยในอนาคต
ริ้วรอยรอบคอ
รอยเส้นลึกแนวขวางปรากฏขึ้นตามวัย ริ้วรอยรอบลำคอจะบอกถึงอายุของคนเรา ถ้าคุณใช้หมอนรองศีรษะที่ทำให้คอของคุณแอ่นไปข้างหน้า นั่นอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดริ้วรอยรอบคอของคุณได้ ฉะนั้นควรหาหมอนที่มีขนาดความสูงพอดีจะได้ไม่เกิดริ้วรอยบริเวณนี้
ริ้วรอยหางตา
เป็นริ้วรอยเส้นบางๆ รอบๆ หางตา ที่เรียกเราเรียกกันว่าตีนกา บ่อยครั้งมักปรากฏกับคนที่ชอบหัวเราะมากๆ และเมื่อเจอแสงจ้าก็จะหยีตาก็จะทำให้เกิดริ้วรอยได้
ริ้วรอยบนเปลือกตาบน
ริ้วรอยเส้นบางๆ เกิดมาจากความแห้งมักจะเกิดขึ้นบริเวณนี้ ดังนั้น การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังบริเวณนี้จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ
ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยพับย่นใต้ตา บ่อยครั้งมักปรากฏบริเวณนี้ และทำให้ใบหน้าดูโรยล้า สาเหตุหนึ่งก็เกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนทำให้ดวงตาอ่อนล้า
ริ้วรอยระหว่างเรียวคิ้ว
ริ้วรอยนี้มักจะปรากฏกับบุคคลที่นิ่วหน้าเวลาครุ่นคิด หรือเพ่งมองเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง และทำให้สีหน้าเครียด ไม่สบายใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่หงุดหงิด หรือมองเรื่องใดๆ ในแง่ลบ
ริ้วรอยร่องแก้ม
เป็นริ้รอยลึกแนวยาว ปรากฏเป็นแนวพาดจากข้างจมูกลงมาจนถึงมุมปาก และก่อให้เกิดสภาพริ้วรอยแห่งวัย การทำมุมปากตก ห้อย ทำให้ใบหน้าดูมีความไม่พึงใจ ไม่สบายใจ คุณควรใส่ใจต่อลักษณะการหย่อนคล้อยของพวงแก้ม และรอบริมฝีปาก
ริ้วรอยบนหน้าผาก
เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า และทำให้ใบหน้าดูมีอายุขึ้น คุณจำเป็นต้องระมัดระวัง ถ้าคุณมีนิสัยชอบทำตาโตแอ๊บแบ๊ว ระวังหน้าผากจะเป็นริ้วรอยและจะดูแก่ก่อนวัยในอนาคต
ริ้วรอยรอบคอ
รอยเส้นลึกแนวขวางปรากฏขึ้นตามวัย ริ้วรอยรอบลำคอจะบอกถึงอายุของคนเรา ถ้าคุณใช้หมอนรองศีรษะที่ทำให้คอของคุณแอ่นไปข้างหน้า นั่นอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดริ้วรอยรอบคอของคุณได้ ฉะนั้นควรหาหมอนที่มีขนาดความสูงพอดีจะได้ไม่เกิดริ้วรอยบริเวณนี้
Posted by
i Woman Blog
วิธีประหยัดเงินก่อนจะถังแตก
เงินทองที่หามาได้ถ้าไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักไตร่ตรองวางแผนก่อนใช้ ก็จะหมดไปก่อนที่จะถึงกำหนดเงินเดือนเดือนใหม่จะออก รับรองว่าเกือบทุกคนเคยเจอปัญหานี้มาแล้ว บางคนต้องไปก่อหนี้ยืมสินจากคนอื่นมา ทำให้เงินที่แต่ละเดือนก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ก็เจอปัญหาหนักเพิ่มขึ้นอีกต้องคอยหลบเจ้าหนี้ที่คอยแต่จะทวงหนี้ ถ้าใครไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้ ลองมาดูวิธีประหยัดเงิน เริ่มจากแบบง่ายๆ ก่อนโดยไม่ต้องเหงื่อตกค่ะ
1. ชีวิตอิสระทำไมต้องจ่ายค่าสมาชิกบัตรเครดิต ถ้าคุณไม่จำเป็นต้องจ่าย ดังนั้นควรเลือกธนาคารที่งดเว้นค่าธรรมเนียมนี้ถ้าคุณคิดจะทำบัตรเครดิต และถ้าเป็นไปได้ทำบัตรเครดิตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่าทำบัตรเครดิตหลายๆ ใบ เพียงเพราะเหตุผลว่าคุณจะได้กระเป๋าเดินทางที่เป็นของพรีเมี่ยมสวยเก๋มาใช้ช่วงซัมเมอร์
2. ราคานาทีทอง พวกอาหารกล่องปรุงสำเร็จแบบวันต่อวัน หรือพวกเบเกอรี่ เราสามารถมองหาส่วนลดได้หลัง 1 ทุ่มโดยประมาณ มันจะถูกมากๆ เลย บางทีลด 30 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจลดครึ่งราคาเลยก็มี อย่างเช่นข้าวกล่องชุดญี่ปุ่นที่ราคาจริงประมาณ 75 บาท สามารถซื้อได้ในราคา 39 บาท อาหารพวกนี้ยังคงใหม่และสดอยู่ พวกเขาเพียงแต่ต้องการเคลียร์อาหารที่มีอยู่ให้หมดก่อนเวลาห้างปิดเท่านั้น
3. จ่ายรายปีถูกกว่า ถ้าต้องดูเคเบิ้ลทีวี หรือต้องอ่านแมกกาซีน ทุกเดือนอยู่แล้ว แทนที่คุณจะจ่ายเป็นรายเดือน ก็เลือกจ่ายเป็นรายปีไปเลย จะคุ้มค่ากว่า นอกจากจะได้ส่วนลดแล้ว อาจได้ของแถมอีกต่างหาก เช่น ได้ดูฟรีอีก 1 เดือน ได้ครีมบำรุงผิวมาสักชุดสองชุดไง
4. เลือกให้เหมาะ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกบริการที่เป็นแพ็คเกจ อย่าง โทรศัพท์มือถือหรือ เคเบิ้ลทีวี คุณไม่จำเป็นต้องเลือกบริการแบบเต็มรูปแบบที่ผู้ให้บริการเสนอให้ก็ได้คิดทบทวนให้ดีๆ เสียก่อน ว่าสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ คืออะไร บางทีคุณอาจไม่ทันคิดว่ามันเกินความจำเป็นของคุณก็ได้ แล้วจะจ่ายแพงเพื่อส่วนนี้ไปทำไม
5. เคลียร์หนี้เป็นอันดับแรก “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เคยได้ยินเหมือนกันใช่หรือเปล่าคำกล่าวนี้เชื่อได้ล้านเปอร์เซ็นต์ หนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโรคร้ายหรอก ถ้าเราปล่อยให้มันกัดกินร่างกายของเราโดยไม่มีการบำบัดรักษา มันก็จะลุกลามไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งร่างกาย ดังนั้นทุกครั้งที่เงินเดือนออก คุณรู้ตัวว่าเป็นหนี้อะไรอยู่ก็ตามให้รีบจ่ายมันไปให้หมด อย่าปล่อยให้พอกพูนได้ จำไว้ว่าอาการ “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” นะ มันไม่สนุกหรอกค่ะ
1. ชีวิตอิสระทำไมต้องจ่ายค่าสมาชิกบัตรเครดิต ถ้าคุณไม่จำเป็นต้องจ่าย ดังนั้นควรเลือกธนาคารที่งดเว้นค่าธรรมเนียมนี้ถ้าคุณคิดจะทำบัตรเครดิต และถ้าเป็นไปได้ทำบัตรเครดิตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่าทำบัตรเครดิตหลายๆ ใบ เพียงเพราะเหตุผลว่าคุณจะได้กระเป๋าเดินทางที่เป็นของพรีเมี่ยมสวยเก๋มาใช้ช่วงซัมเมอร์
2. ราคานาทีทอง พวกอาหารกล่องปรุงสำเร็จแบบวันต่อวัน หรือพวกเบเกอรี่ เราสามารถมองหาส่วนลดได้หลัง 1 ทุ่มโดยประมาณ มันจะถูกมากๆ เลย บางทีลด 30 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจลดครึ่งราคาเลยก็มี อย่างเช่นข้าวกล่องชุดญี่ปุ่นที่ราคาจริงประมาณ 75 บาท สามารถซื้อได้ในราคา 39 บาท อาหารพวกนี้ยังคงใหม่และสดอยู่ พวกเขาเพียงแต่ต้องการเคลียร์อาหารที่มีอยู่ให้หมดก่อนเวลาห้างปิดเท่านั้น
3. จ่ายรายปีถูกกว่า ถ้าต้องดูเคเบิ้ลทีวี หรือต้องอ่านแมกกาซีน ทุกเดือนอยู่แล้ว แทนที่คุณจะจ่ายเป็นรายเดือน ก็เลือกจ่ายเป็นรายปีไปเลย จะคุ้มค่ากว่า นอกจากจะได้ส่วนลดแล้ว อาจได้ของแถมอีกต่างหาก เช่น ได้ดูฟรีอีก 1 เดือน ได้ครีมบำรุงผิวมาสักชุดสองชุดไง
4. เลือกให้เหมาะ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกบริการที่เป็นแพ็คเกจ อย่าง โทรศัพท์มือถือหรือ เคเบิ้ลทีวี คุณไม่จำเป็นต้องเลือกบริการแบบเต็มรูปแบบที่ผู้ให้บริการเสนอให้ก็ได้คิดทบทวนให้ดีๆ เสียก่อน ว่าสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ คืออะไร บางทีคุณอาจไม่ทันคิดว่ามันเกินความจำเป็นของคุณก็ได้ แล้วจะจ่ายแพงเพื่อส่วนนี้ไปทำไม
5. เคลียร์หนี้เป็นอันดับแรก “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เคยได้ยินเหมือนกันใช่หรือเปล่าคำกล่าวนี้เชื่อได้ล้านเปอร์เซ็นต์ หนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโรคร้ายหรอก ถ้าเราปล่อยให้มันกัดกินร่างกายของเราโดยไม่มีการบำบัดรักษา มันก็จะลุกลามไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งร่างกาย ดังนั้นทุกครั้งที่เงินเดือนออก คุณรู้ตัวว่าเป็นหนี้อะไรอยู่ก็ตามให้รีบจ่ายมันไปให้หมด อย่าปล่อยให้พอกพูนได้ จำไว้ว่าอาการ “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” นะ มันไม่สนุกหรอกค่ะ
Posted by
i Woman Blog
Labels:
ของพรีเมี่ยม,
เคเบิ้ลทีวี,
บัตรเครดิต,
ราคานาทีทอง,
วิธีประหยัดเงิน
Subscribe to:
Posts (Atom)