Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Powered by Blogger

"โยเกิร์ต" กินแล้วจะทำให้สาวๆ หุ่นดีจริงเหรอ?


โยเกิร์ต (Yoghurt) จากผลการวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วโยเกิร์ตไม่ใช่สิ่งที่กินแล้วจะส่งผลดีต่อสุขภาพเสมอไป โดยเฉพาะโยเกิร์ต 5 แบบต่อไปนี้ที่ควรใส่ใจเรื่องปริมาณการบริโภคให้มากขึ้น เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้สุขภาพดีแล้ว ยังส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย

1. โยเกิร์ตผสมชิ้นเนื้อผลไม้เต็ม ๆ คำ เทียบเท่ากับการกิน คิทแคทบาร์
คุณรู้หรือไม่ว่าชิ้นผลไม้ที่ใส่ลงไปในโยเกิร์ตชนิดนี้ให้ปริมาณน้ำตาลสูงถึง 27 กรัม ต่อ 1 ถ้วย (6 ออนซ์) ซึ่งนับว่าใกล้เคียงกับปริมาณน้ำตาลในคิทแคทบาร์ 4 ชิ้น คือ 28.2 กรัม (หรือ 7 ช้อนโต๊ะ) ซึ่งโดยทั่วไปอาจจะคิดว่าการกินโยเกิร์ตชนิดนี้ ถือว่าเป็นการกินที่คุ้มค่าต่อราคาดี เพราะเพียงแค่โยเกิร์ตถ้วยเล็กๆ แต่อุดมไปด้วยชิ้นเนื้อผลไม้ดูเหมือนจะคุ้มราคาดีใช่ไหมที่โยเกิร์ตถ้วยเล็ก ๆ แต่อุดมด้วยชิ้นเนื้อผลไม้คับถ้วย ชนิดที่ตักเข้าปากกี่คำก็ได้รสชาติผลไม้เต็ม ๆ ต่อไปการจะเลือกโยเกิร์ตชนิดนี้มาทานคงต้องคิดให้มากขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

2. กรีก โยเกิร์ต (Greek Yogurt) เทียบเท่ากับการกิน ชีสเบอร์เกอร์
Greek Yogurt หรือ โยเกิร์ตเนื้อข้น ซึ่งจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าลิ้มลอง แต่รู้หรือไม่ว่าเพียงแค่โยเกิร์ตเนื้อข้นรสธรรมชาติก็อุดมด้วยไขมัน 20 กรัมต่อ 1 หน่วยบริโภค นั่นหมายความว่า หากคุณกินโยเกิร์ตประเภทนี้หมดถ้วยภายในครั้งเดียว คุณจะได้รับไขมันเกือบเท่ากับการชีสเบอร์เกอร์ของแมคโดนัลด์ถึง 2 ชิ้นเลยทีเดียว (1.5 กรัม คือปริมาณไขมันในชีสเบอร์เกอร์ต่อ 1 ชิ้น)

3.โยเกิร์ตผสมธัญพืช
โยเกิร์ตใส่ธัญพืช ซึ่งดูเหมือนจะเป็นโยเกิร์ตที่ทานแล้วจะได้ประโยชน์คูณสองเลยทีเดียว เพราะในโยเกิร์ตชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีน้ำตาล 0% ประกอบกับมีธัญพืชหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น เม็ดบัว ถั่วแดง ลูกเดือย ลูกเกด เพราะด้วยเหตุนี้จึงได้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ หลายคน และได้ยกให้เป็นสุดยอดแห่งโยเกิร์ตเพื่อสุขภาพที่สมารถช่วยลดน้ำหนักของพวกเธอได้จริง แต่ความจริงแล้วคุณค่าอาหารยังไม่เพียงพอ หากจะให้ดีกว่านี้ ควรจะเพิ่มปริมาณถั่วลงไปซักเล็กน้อย อาจเป็นอัลมอนด์สไลด์ แมคคาเดเมีย หรือแม้แต่ถั่วลิสง เพื่อเติมโอเมก้าทรีให้กับโยเกิร์ตถ้วยโปรดของคุณ

4.โยเกิร์ตสมูธตี้ เทียบเท่ากับการกิน ไอศกรีมซันเดย์
สำหรับโยเกิร์ตสมูธตี้ตัวนี้จะมีส่วนประกอบคล้าย ๆ กับการทำมิลค์เชค เพียงแต่ใช้โยเกิร์ตแทนการใช้นม จึงทำให้มีแคลอรีต่ำเพียง 160 แคลอรีต่อ 8 ออนซ์ แต่กรณีที่ใส่นมเพิ่มด้วยจะมีแคลอรีสูงถึง 360 แคลอรีเลยทีเดียว ซึ่งนับได้ว่าปริมาณแคลอรีใกล้เคียงกับเมนูของหวานที่ใช้นมเป็นส่วนประกอบ อย่างเช่น ไอศกรีมซันเดย์ 1 ถ้วยเท่ากับ 490 แคลอรี ดังนั้น ในการใช้โยเกิร์ตเพื่อทำสมูธตี้ให้ดีต่อสุขภาพจริง ๆ ควรจะปรับเป็นสูตรแบบไม่หวาน โดยงดนม ใส่ผลไม้สด ใส่โยเกิร์ตธรรมดา เพียงเท่านี้ก็สามารถลดปริมาณแคลอรีลงต่ำลงได้อีก 83 แคลอรี

5. เมนูโยเกิร์ตแช่เย็น
โยเกิร์ตชนิดนี้ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่คุณเลย จากหลากหลายสูตรโฮมเมดของหวาน ที่ได้นำโยเกิร์ตมาดัดแปลงเป็นเมนูหวานเย็นชื่นใจทั้งหลายเหล่านั้น โดยเฉพาะไอศกรีมโยเกิร์ต ที่ต้องนำโยเกิร์ตไปผสมกับนมแล้วทำการปั่นก่อนนำไปแช่ฟรีส ซึ่งการทานเมนูแบบนี้ คุณจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลยนอกจากน้ำตาลและไขมัน ดังนั้นไม่ใช่ว่าโยเกิร์ตทุกชนิดจะนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเมนูของหวานได้ โดยเฉพาะชนิดที่เขียนระบุว่ามีจุลินทรีย์ และโพรไบโอติกส์ ที่เหมาะสำหรับบริโภคเดี่ยว ๆ มากกว่า เนื่องจากจุลินทรีย์และโพรไบโอติกส์มีคุณสมบัติช่วยให้ปรับปรุงระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ

งานนี้สาวๆ คนไหนที่ต้องการจะกินโยเกิร์ตแทนการกินข้าวเย็น ควรจะต้องทำความรู้จักกับโยเกิร์ตแต่ละชนิดให้ดี เพื่อที่จะได้แน่ใจว่าการกินโยเกิร์ตครั้งนี้จะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้จริง ขืนเลือกผิดแทนที่จะลดน้ำหนักกลับกลายว่าจะเป็นการไปเพิ่มน้ำหนักให้กับตัวเองซะมากกว่า