Subscribe

RSS Feed (xml)

Powered By

Powered by Blogger

ความคิดเจ้าปัญหาทำให้คุณไม่ได้เกิดในที่ทำงาน

1. จมอยู่กับอดีต ทุกคนเคยพลาด สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ความผิดพลาดครั้งนั้น แต่อยู่ที่ว่าคุณแก้ไขและผ่านมันไปได้เร็วไหน เมื่อคุณทำผิด ยอมรับและขอโทษ แก้ไขแล้วเดินไปข้างหน้า ถ้าคุณยังจมกับความรู้สึกผิดเดิมๆ คุณจะไม่กล้าที่จะทำงานใหญ่ๆ ชิ้นใหม่ๆ อีกเลย

2. บ้าอำนาจ คุณพยายามควบคุมทุกอย่างรอบตัวคุณอยู่หรือเปล่า? ทุกคนต้องคิด ต้องทำไปในทางที่คุณต้องการหรือเปล่า? ยอมรับความแตกต่างและสร้างสรรค์ของคนอื่นบ้าง แล้วคุณจะทำงานสบายขึ้น และเครียดน้อยลง

3. มักจะคิดว่าตัวเองน่าจะอยู่อีกที่หนึ่งเสมอ พอเช้าวันจันทร์ ก็อยากให้ถึงเย็นวันศุกร์เร็วๆ อยู่ที่ทำงานก็คิดว่านั่งทำงานที่บ้านอาจจะดีกว่า อาการสมาธิแตกซ่านของคุณ มักจะทำให้คุณสติไม่นิ่งพอจะคิดงานดีๆ ได้ เริ่มค้นสนใจและมีสติอยู่กับที่เป็นอยู่นั้น คุณจะมีความคิดสร้างสรรค์งานดีๆ อีกเพียบ

4. มองโลกในแง่ลบ อะไรๆ ก็ไม่ได้ไปหมดสำหรับคุณ ไม่ว่าจะไอเดียดี เก๋ ง่ายแค่ไหน คุณก็คิดแต่ว่านั่นคือสิ่งที่ยาก ไม่มีวันที่จะทำได้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงมือทำ แค่คิดแบบนี้ก็เรียกว่าแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่งแล้วล่ะ

5. ไม่ร้องขอสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้า “ได้ค่ะ” เป็นคำติดปากคุณตลอดทั้งวัน ก็คงต้องเหนื่อยหน่อยล่ะ รู้จักขอความช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ชีวิตคุณจะเหนื่อยล้าน้อยกว่านี้ มีเวลาและกำลังไปทำงานอื่นๆ ได้ อย่างนี้เขาเรียกว่าแบ่งงานเป็น

6. ยึดติดกับผลงานมากไป ถ้าคุณซีเรียสกับงาน และยึดผลของงานที่ออกมามากเกินไป คุณจะคาดหวังจากตัวเองและเพื่อนร่วมงาน ทำทุกอย่างเพื่อให้ผลออกมาอย่างที่ต้องการ แต่คุณลืมที่จะมีความสุขของขั้นตอนการทำงานไป

7. กลัวที่ต้องพูดในที่ชุมชน
มีผู้เชี่ยวชาญเคยบอกว่า นี่คือความกลัวอันดับ 1 ของคนอเมริกัน จริงๆ แล้วนี่แหล่ะคือช่องทางที่จะทำให้คนอื่นรู้จักและเห็นความสามารถในตัวคุณ ฉะนั้นคุณควร เริ่มต้นหัดพูดหน้ากระจก แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นคุยต่อหน้าเพื่อน หรือไม่งั้นก็ลงสมัครคอร์สการพูดสักคอร์สหนึ่ง

8. หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง ชีวิตการทำงานคือการใชชีวิตอีกสังคมหนึ่งของคนเรา และเป็นอีกที่หนึ่งที่ทำให้เรารู้จักแบ่งปัน คิดถึงคนอื่น ถ้าคุณคิดถึงแต่ตัวเอง คุณจะเป็นคนปิดกั้น เห็นแก่ตัว จนขาดแรงสนับสนุน และไม่ได้รับสิ่งดีๆ จากคนรอบข้าง

9. ทำงานเพื่อเอาใจคนอื่น คุณจะไม่มีวันทำงานนั้นให้ดีได้ ถ้าคุณทำงานนั้นเพราะคนอื่นอยากให้คุณทำ คนอื่นอยากให้คุณเป็น คุณต้องรักงานที่ทำนั้นจริงๆ ด้วยตัวและหัวใจของคุณเอง

10. ค้นหาความสมบูรณ์แบบตลอดเวลา
ความสำเร็จทุกอย่างไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ แต่มันขึ้นอยู่ว่าคุณจัดลำดับความสำคัญมันและพยายามทำมันอย่างไร ลดความคาดหวังลงสักนิด คุณจะทำงานอย่างมีความสุขขึ้น

แว็กซ์ขนใต้วงแขนให้เรียบเนียนสวยด้วยตัวเอง

เคยเห็นใต้วงแขนของดาราดังหลายๆ คนหรือเปล่าคะ แหมช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกิน ขาวเรียบเนียนไร้ขน ส่วนตัวเราเองอยากมีใต้วงแขนสวยแบบนั้นบ้างลองมาหลายวิธีแล้วก็ไม่ได้ดั่งใจใช่มั๊ยล่ะ ขอบอกเคล็ดลับการกำจัดขนแบบถอนรากถอนโคนนี้ต้องยกให้วิธีการแว็กซ์ (Wax) รับรองว่าวิธีนี้คุณจะได้ใต้วงแขนที่ขาวไร้ขนแถมเรียบเนียนตึงกระชับ สามารถยกแขนโชว์ใต้วงแขนกันได้อย่างไม่อายใครแล้วค่ะ

ก่อนลงมือแว็กซ์ สำหรับแว็กซ์ร้อน ให้แบ่งแว็กซ์ใส่ถ้วยพลาสติก และแช่ลงไปในถ้วยที่ใส่น้ำร้อนจัด และใช้ไม้พายคนให้แว็กซ์ละลาย หรือถ้าเป็นแว็กซ์ร้อนแบบโรลออนก็สามารถใช้แว็กซ์อุ่นในไมโครเวฟได้เลย ง่ายมาก จากนั้นเรามาดูขั้นตอนของการแว็กซ์กันเลยค่ะ

1. ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ เช็ดใต้วงแขนให้สะอาด เพื่อให้คราบโรลออนและสิ่งสกปรกหลุดออกไปก่อนที่จะแว็กซ์

2. ใช้ไม้พายคนแว็กซ์ที่เตรียมไว้แล้วค่อยๆ ทาลงบริเวณที่จะแว็กซ์ โดยทาไปตามแนวขน(สังเกตว่า ขนขึ้นไปตามแนวไหน ให้ทาไปตามแนวนั้น ห้ามทาย้อนขนเด็ดขาด)

3. ใช้ผ้าสำหรับแว็กซ์ที่มีลักษณะคล้ายผ้าดิบ หรือกระดาษแว็กซ์สำเร็จรูป วางทับลงไปบริเวณที่ทาแว็กซ์และกดให้แนบสนิทหรือตบเบาๆ ก็ได้

4. ดึงผ้าหรือกระตุกออกอย่างรวดเร็วโดยดึงให้ย้อนแนวขนขึ้นไป (ย้ำว่าต้องดึงเร็วๆ ถ้าช้าจะทำให้เจ็บ และขนจะออกไม่หมด) ขั้นตอนนี้ควรที่จะทำให้ต่อเนื่องกับขั้นตอนที่ 3 อย่างรวดเร็วที่สุด

5. แว็กซ์เสร็จ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นจัดๆ เช็ดแว็กซ์ที่ติดอยู่ออกให้หมด และใช้มาสก์ทาใต้วงแขนเพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่ตกค้างให้หมดไปโดยทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วล้างออก

6. ใช้สำลีชุบโทนเนอร์ให้ชุ่ม เช็ดใต้รักแร้อีกครั้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและกระชับรูขุมขนใต้วงแขนจากนั้นเราสามารถทาแป้งหรือใช้โรลออนได้ตามปกติ

วิธีสังเกตความผิดปกติประจำเดือนแบบง่ายๆ


ประจำเดือน (menstruation) เป็นเลือดที่เกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก มีฮอร์โมนสองชนิดคือ Estrogen และ Progesterone ควบคุมการสร้างและหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งระดับฮอร์โมนทั้งสองจะมีความสัมพันธ์กับการตกไข่จากรังไข่ โดยแต่ละรอบเดือนจะมีช่วงเวลาประมาณ 26-30 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทำให้ประจำเดือน เกิดขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง คุณสาวๆ ทราบหรือเปล่าว่าประจำเดือนของเราที่มาอยู่ทุกๆ เดือนนั้นมันปกติดีหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นแบบนั้นจนชินแล้วเลยไม่รู้ว่ามันคือความผิดปกติหรือว่ามันปกติดี ชักอยากรู้แล้วใช่มั๊ยเอ่ยขั้นแรกให้ลองเปรียบเทียบกับประจำเดือนปกติ ซึ่งมีลักษณะดังนี้

1. ระยะเวลาเลือดประจำเดือนออกจะอยู่ในราว 4 - 6 วัน หากนานกว่า 7 วันถือว่าผิดปกติแล้ว

2. ปริมาณเลือดประจำเดือนในแต่ละเดือนประมาณ 30 มล. ขึ้นไป แต่ถ้ามากกว่า 80 มล. ถือว่าผิดปกติ

3. ระยะห่างระหว่างประจำเดือนจะมีเวลาประมาณ 24 - 35 วัน

ถ้าหากเรามีลักษณะของประจำเดือนผิดไปจากที่กล่าวมานี้ เช่น มีปริมาณมากกว่าปกติ, รอบของประจำเดือนมีระยะเร็วกว่า 24 วัน หรือช้ากว่า 35 วัน, มีประจำเดือนปริมาณที่มากและนาน หรือมีไม่เสมอต้นเสมอปลาย บางครั้งเดือนนึงก็มาหลายครั้ง ให้ถือว่าเข้าข่ายประจำเดือนมาไม่ปกติแล้ว

สาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติของประจำเดือน
- เป็นความผิดปกติจากการสร้างฮอร์โมนของรังไข่และเยื่อบุโพรงมดลูกหรือเป็นโรคบางอย่างเกี่ยวกับสมองที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของรังไข่

- มีสาเหตุมาจากโรคเลือดบางชนิด ที่เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการเลือดแข็งตัวช้า หยุดไหลได้ยาก หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อบางอย่างในโพรงมดลูก

วิธีการรักษาความผิดปกติของประจำเดือน

ควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา และข้อสำคัญคือ หากพบอาการผิดปกติอย่างนี้อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอีกต่อไปแล้วสำหรับการไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจภายใน เพราะในปัจจุบันนี้มีสูตินารีแพทย์ที่เป็นผู้หญิงมากขึ้น คุณสามารถเข้ารับการรักษาและรับคำปรึกษาได้อย่างสะดวกและสบายใจขึ้น

วิธีสระผมแบบมืออาชีพ

หลังจากที่เคยไปทำผมกับช่างผมมือโปรหลายๆ คน และแอบตีซี้ชวนคุยนั่นคุยนี่เกี่ยวกับเรื่องความสวยความงามของเส้นผม ทำให้รู้เคล็ดลับการสระผมหลายอย่าง ทำให้เราได้รู้ว่าวิธีสระผมเขาไม่ได้สระผมกันง่าย ๆ เหมือนการทำ 2 ขั้นตอนอย่างที่เราๆ ทำกันอยู่ทุกวันนี้ เขายังมีขึ้นตอนต่างๆ เพิ่มขึ้นมาอีก วันนี้เลยมีวิธีสระผมด้วยตนเองแบบมือโปรมาฝาก ที่ทำให้แค่การสระผมก็ทำให้เราสวยได้แล้ว

1. หวีผมก่อนสระ โดยใช้หวีแปรงซี่ใหญ่ๆ หวีเริ่มจากปลายแล้วสางไล่ขึ้นไปจนถึงหนังศีรษะ เสร็จแล้วก็หวีเสยขึ้นไปเพื่อนวดหนังศีรษะ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

2. เลือกแชมพูและครีมนวดผมให้เหมาะกับสภาพผมคุณ แล้วอย่าสระผมบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผมแห้งและแตกปลาย

3. อย่าเพิ่งล้างคอนดิชั่นเนอรืออก จนกว่าจะรู้สึกว่าครีมได้ซึมลงเส้นผมแล้ว หรือลองทาคอนดิชั่นเนอร์ทิ้งไว้ตั้งแต่กลางถึงปลาย จะช่วยให้ผมนุ่มและเงางาม

4. อย่าเชื่อสิ่งที่เคยได้ยินมา อย่าง ผมจะชินกับแชมพูแค่ตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ถูกค่ะ เราสามารถที่จะสลับใช้แชมพูไปเรื่อยๆ ได้

5. การที่ผมเป็นสังกะตัง เกิดจากเราล้างพวกผลิตภัณฑ์ตกแต่งผมที่เราสระออกไม่หมด ลองใช้แชมพูที่อ่อนโยนต่อเส้นยผม แต่สะอาดล้ำลึก จะช่วยแก้วปัญหาได้

6. เวลาล้างผมครั้งสุดท้าย ควรใช้น้ำเย็นในระดับที่ทนได้ เพื่อให้เกล็ดผมปิดสนิท แล้วจะช่วยให้ผมเรียบ ไม่ชี้ฟู เงางาม

7. ถ้าคุกรเป็นคนที่มีปัญหาหยิก ชี้ ฟู เวลาสระผมเสร็จอย่าใช้ผ้าขยี้ผมอย่างรุนแรง ให้หาผ้าขนหนูมาห่อผม แล้วซับเบาๆ จะดีกว่า




เตรียมตัวก่อนจะไปทำสวย....ด้วยเทคโนโลยี

เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีแห่งความงามมีเยอะแยะมากมายชื่อแปลกๆ กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเลเซอร์ ไอพีแอล โบท็อกซ์ คอลลาเจน รีจูวีเนชั่น ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง แต่สาวๆ หลายท่านก็อาจจะเคยผ่านการเข้ารับบริการด้านความงามเหล่านี้มาบ้างแล้ว แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนี้มาก่อนก็คงจะงง และสับสนไปหมด ว่าแต่ละอย่างควรมีวิธีการเลือกใช้หรือว่าควรจะศึกษาหาข้อมูลอะไรบ้าง ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาจากสถานที่ต่างๆ

ก่อนอื่นเราต้องดูตัวเองก่อนว่า ปัญหาอะไรที่เรากำลังเจออยู่ตอนนี้ จุดประสงค์ของการแก้ไขคืออะไร การรักษาเพื่ออะไร แล้วค่อยลงมือหาข้อมูลแต่ละอย่างกัน อย่าลืมปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะอย่างละเอียดก่อนว่าปัญหาของเรานั้น สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอะไรบ้าง เพราะว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ แพงๆ อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน อย่าลืมศึกษาขั้นตอนในการรักษาแต่ละชนิดด้วย ว่าเราต้องทราบว่ามมีประสิทธิภาพแค่ไน แล้วต้องงรักษากี่ครั้งถึงจะเห็นผล ที่สำคัญเราต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ทำการรักษาให้เราด้วย เพราะว่าทั้งหมดนั้นส่งผลถึงตัวเราเองทั้งนั้น ถ้าเราตัดสินใจผิดพลาดแล้วอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้ ยังไงก็แล้วแต่เราต้องถามทุกอย่างจากแพทย์ที่เราเข้ารับการรักษาจนเรารู้สึกมั่นใจได้นั่นเอง




เคล็ดลับสำหรับสาวหางตาตก

พูดถึงเรื่องแต่งหน้าเนี่ย ส่วนที่ยากที่สุดก็คงจะไม่พ้นเรื่องดวตาหรอก แต่จะว่าไปก็เป็นดวงตาอีกนั่นแหละที่เป้นจุดดึงดูดที่สุด สำหรับสาวๆ ที่มีตาสวยๆ ก้คงไม่ใช่เรื่องยากซักเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเป็นคนหางตาตกล่ะ จะแต่งตายังไงให้ดูสวยขึ้นมาได้แบบง่ายๆ

ถ้าเราเป็นคนที่หางตาตก จะมีมีวิธีการแต่งหน้าที่ทำให้ดูสวย น่าสนใจโดยที่เราไม่อยากใช้อายไลเนอร์ให้มันยุ่งยาก โดยเวลาลงสีอายแชโดว์ถ้าเป็นคนที่มีดวงตาได้หรูปตามปกติก็สามารถลงอายแชโดว์ชิดขนตาไปได้หตลอดทั้งดวงตาเลย แต่สำหรับสาวๆ ที่มีหางตาตกแล้วแนะนำให้ลงอายแชโดว์ชิดขอบตาถึงแค่บริเวณที่หางตาเริ่มตกเท่านั้น ไม่ต้องลงสีตามขอบตาไปเรื่อยๆ เพราะว่าจะเป็นการเน้นที่หางตา เราต้องลงสีโดยคงระดับไว้ตรงที่เราทามาตั้งแต่ขอบตาการทำแบบนี้จะช่วยสร้างเงาให้กับดวงตาทำให้ตาดูมีมิติมากขึ้น สีที่ใช้ต้องเป็นสีที่มีน้ำหนักของเนื้อสีมา เช่น สี Smoke เป็นต้น อีดวิธีหนึ่ง แนะนำให้ใช้มาสคาร่าเป็นตัวช่วยโดยการดัดขนตาให้ตรงช่วงหางตา งอนมากกว่าตรงหัวตาเล็กน้อย เน้นให้ตรงหางตาดูหนาขึ้นกว่าตรงหัวาตาด้วยเพื่อช่วยดึงให้ตาดูโต แล้วก็จะไพ้แก้ปัญหาหางตาตกได้

ทริป
เวลาปัดมาสคาร่าเราไม่จำกัดจำนวนครั้งว่าควรจะปัดกี่ครั้ง ถ้าเราต้องการให้ขนตาดูงอน ยาวเท่าไหร่ก็ปัดมากเท่านั้น จะให้ดีก็ปัดมาสคาร่าที่เป็นตัวบำรุงขนตาก่อนปัดมาสคาร่าสี จขนตาของเราจะยาขึ้น งอนขึ้น


เทคนิคการเลือกซื้อชุดชั้นใน


บ่อยครั้งเลยใช่มั๊ยคะ ที่เราซื้อชุดชั้นในมาแล้ว ตอนก่อนซื้อก็คิดว่าเลือกดีแล้ว ลองก็ลองแล้ว แล้วยังเป็นไซด์เดิมๆ ที่เคยใช้มาทุกที แต่พอถึงเวลาเอามาใช้จริงๆ กับรู้สึกใส่ไม่สบาย รู้สึกอัดอัด จะเอาคืนเค้าก็คงไม่รับคืนหร๊อก จะเอาทิ้งก็เสียดาย ถ้าใครไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้อีกในการเสื้อชั้นในใหม่ในครั้งต่อไป วันนี้เรามีเคล็ดลับในการเลือกซื้อชุดชั้นในมาฝาก...

1. ช่วงเวลา ในการเลือกซื้อเสื้อชั้นถ้าคุณเลือกซื้อในช่วง 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีประจำเดือน คุณอาจจะได้ขนาดที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ

2. ลองสวมใส่ คุณต้องลองสวมใส่เสื้อชั้นในตัวที่คุณจะซื้อก่อนทุกครั้ง ให้เลือกตัวที่ใส่แล้วกระชับพอดี และอย่าซื้อเสื้อชั้นในเพียงบอกไซส์แต่อย่างเดียวเด็ดขาด เพราะเสื้อชั้นในแต่ละแบบ แต่ละทรง จะออกแบบมาไม่เท่ากัน และไม่เหมาะสำหรับคนทุกคนเสมอไป

3. แบบตะขอ ถ้าหากว่าคุณมีรอบอกระหว่าง 34-48 นิ้ว คุณก็ควรเลือกซื้อชนิดที่มีฐานใต้โครงอก และเสื้อชั้นในแบบตะขอหน้า จะทำให้หน้าอกได้รูปสวย

4. ระดับของตะขอ
เสื้อชั้นในที่จะใส่ได้พอดี ระดับอของตะขอหลัง ควรอยู่ใต้กระดูกสะบักหลัง ถ้าอยู่สูงหรือต่ำลงมาควรเลือกขนาดใหม่

5. ใช้นิ้วมือทดสอบ
ลองใช้มือสอดเข้าไปในร่องอกดู ถ้าหากสวมเสื้อชั้นในแล้วไม่สามารถสอดนิ้วเข้าไปในร่องอกได้ ก็แสดงว่าเสื้อตัวนั้นมันคับเกินไป

6. เนื้อผ้า ที่สำคัญที่สุด ถึงแม้ว่าทั้งไซด์ ทั้งรูปแบบที่โอเคหมดแล้ว คุณยังควรเลือกเสื้อชั้นในที่มีเนื้อนุ่ม ยืดหยุ่นสบาย

ฉะนั้นครั้งหน้าถ้าได้ออกไปหาซื้อเสื้อชั้นในใหม่อีก อย่าลืมนำวิธีที่ได้แนะนำ ไปเลือกซื้อเสื้อชั้นในให้ได้ถูกใจไม่เสียตังค์ไปฟรีๆ ได้แล้วค่ะ


วิธีสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง

เมื่อคุณมีปัญหา รู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ แล้วคุณก็ไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครหรือไม่มีใครที่จะรับฟังปัญหาและไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ ดังนั้นเราลองมาพึ่งตัวเราเองดีกว่า เราต้องรู้จักสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง ถ้าเราทำได้ เราก็สามารถแก้ปัญหานั้นได้หรือจะช่วยให้เราผ่านพ้นเรื่องร้ายๆ นั้นไปได้ด้วยดี

1. อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น การทำแบบนั้นไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แต่อาจเกิดผลด้านลบได้ ให้ใช้วิธีเปรียบเทียบวันนี้กับสัปดาห์ที่แล้วแทน ว่าคุณมีอะไรดีขึ้นกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน

2. ถามตัวเองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นได้ผลหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเพราะคุณไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้ หรือว่าแผนมันใช้ไม่ได้ ก็หาคิดใหม่ทำใหม่ได้แล้ว

3. ควรให้เวลากับตัวเองร้อยละ10 เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและอีกร้อยละ 90 เพื่อหาทางแก้ปัญหา เราอย่ามัวคิดแต่ว่า อะไรมันผิดพลาด หรือมัวแต่โทษว่าใครผิด

4. ทบทวนและทำการบันทึกแผนการที่คุณจะทำไว้อย่างละเอียด จะเป็นตัวช่วยย้ำเตือนให้คุณทำสิ่งที่ตั้งใจไว้

5. คิดหรือว่าคุยกับตัวเอง
ในแง่บวกและสร้างสรรค์ ดีกว่าแง่ลบและทำลาย แค่เปลี่ยนถ้อยคำที่ใช้กับตัวเองให้ดีขึ้นก็สามารถจะทำให้รู้สึกดีขึ้น


สัญญาณเตือนภัยแก่สาวอมควัน














บุหรี่ ราคาก็ขึ้นเอ้าขึ้นเอา แต่คุณก็ยังอดไม่ได้ ต้องสรรหามาสูบได้อยู่เรื่อย แต่ทุกครั้งที่ซื้อบุหรี่ซองใหม่มาสูบ อย่าลืมหาซื้อผ้าอนามัยอย่างแม๊กซี่พร้อมกันด้วยเลยนะคะ เพราะว่าการที่คุณสูบบุหรี่อยู่เป็นประจำนั้นจะทำให้ประจำเดือนของคุณมามากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ แต่ทว่าการมาของประจำเดือนนั้น จะมาเพียงเดือนละ 2 วันเท่านั้น ซึ่งหมายความถึงความไม่ปกติของฮอโมนเพศด้วยนะ และที่สำคัญจากที่ได้สำผัสจากคุณสาวๆ รอบกาย หน้าตาค่อนข้างจะดูมีริ้วรอยและหยาบกร้าน ร่างกายก็ดูโทรม เพราะว่าการสูบบุหรี่นั้นมีผลทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน ที่เป็นโครงสร้างของผิวหนังถูกทำลาย ทำให้เกิดผิวเหี่ยวย่น มีริ้วรอยได้มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ และยังทำให้ริมฝีปากคล้ำ ฟันดำ มีคราบบุหรี่ และมีกลิ่นปาก แถมเสียบุคคลิกภาพอีกด้วย นอกจากนี้คนที่สูบบุหรี่จะส่งผลถึงในอนาคต ถ้าหากอยากจะมีบุตรจะทำให้มีบุตรยาก แท้งง่าย เด็กคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวน้อย เมื่อลูกคลอดออกมามีโอกาสเป็นภูมิแพ้และโรคทางเดินหายใจได้มากกว่าแม่ที่ไม่สูบบุหรี่ ดังนั้น อยากจะเตือนหญิงไทยยุคใหม่ไว้ว่า “ถ้าอยากสวยสุขภาพดี ต้องไม่สูบบุหรี่”

วิธีสร้างความประทับใจในรสจูบ













จูบ (Kiss) ใครคิดว่าไม่สำคัญ...แต่เมื่อคุณจูบฉัน..ทำไมถึงสั่นไปทั้งหัวใจ สำหรับใครที่คิดว่าไม่สำคัญ ทำลวกๆ ให้เสร็จๆ ไป รับรองไม่ได้รับความประทับใจแน่นอน เป็นผู้หญิงควรให้ความสำคัญกับการจูบ เพราะที่จริงแล้วรสจูบถือว่าเป็นเครื่องวัดค่าของผู้ที่จะมาเป็นคู่ควงของเราเหมือนกันนะจะบอกให้ มาดูวิธีสร้างความประทับใจในรสจูบดีกว่าค่ะ

1. กลั้นลมหายใจเข้าออกซักพัก เพราะหากจะเริ่มต้นจูบแต่ดันเจอลมหายใจที่มีกลิ่นล่ะก็จบกันตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเลย

2. คุณควรกำจัดลิปสติกสีสวยบนริมฝีปากคุณทิ้งซะ เชื่อมั๊ยว่าลิปสติกสีแดงแสนสวยของคุณทำให้เขาหมดความมั่นใจ

3. เริ่มเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ เป็นจังหวะๆ จากข้างแก้มมาสู่ริมฝีปากนุ่มๆ ที่สุดเซ็กซี่ของเขา

4. คุณอย่าทำปากจู๋เหมือนปลากำลังรอเหยื่อเด็ดขาด จงตั้งสติและปล่อยไปตามสบาย

5. คุมจังหวะลิ้น ปล่อยให้อารมณ์พาไป อย่าดันลิ้นเข้า-ออก เหมือนงูที่ทำตอนกำลังจ้องเหยื่ออย่างเด็ดขาด

6. อย่าปล่อยมือให้อยู่เฉยๆ ใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยการโอบไปข้างหลังแล้วค่อยๆ ดันตัวเขาให้เข้ามาใกล้

7. ตา จะเปิดหรือปิด ขึ้นอยู่กับคุณก็แล้วกัน แต่การเปิดตาเพื่อมองตาเขานั้นจะสร้างอารมณ์โรแมนติกได้เยอะกว่า

8. ปล่อยใจฝันหรือสร้างจินตนาการไปว่าคุณคือเจ้าหญิงน้อยๆ ที่เขาแสนรัก หรือเป็นสาวสุดเซ็กซี่ที่เขาโหยหา ง่ายๆ แค่นี้ จูบของคุณจะกลายเป็นจูบที่แสนประทับใจแล้วละค่ะ


อยากถนอมดวงตาต้องทำอย่างไร












ดวงตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ หลายๆ คนคงเคยได้ยินประโยคนี้อยู่บ่อยๆ ใช่ไหมล่ะคะ ที่เค้าบอกไว้อย่างนี้ก็เพราะว่า ดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญในร่างกายของเราที่สามารถบ่งบอก หรือสามารถส่งภาษาที่ไม่ต้องมีคำพูดประกอบด้วยก็ได้ แต่ถ้าเราไม่รู้จักที่จะรักษาหรือว่าถนอมดวงตา ให้สดใส และให้มองเห็นได้ชัดเจนตลอดไป เราก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่จะพบกับปัญหาเกี่ยวกับสายตาที่เราไม่พึงปรารถนา และคงไม่มีใครหรอกที่อยากจะสูญเสียการมองเห็น ฉะนั้นก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรที่เกี่ยวข้องกับดวงตาอันบอบบางของเรา ควรจะได้รับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตาเสียก่อน นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องหมั่นดูแลใส่ใจสุขภาพดวงตาให้อยู่คู่เราตลอดไป เรามีการถนอมดวงตามาฝากแล้วยังสามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

1. กวาดสายตา เรามองออกไปแบบไม่ต้องจ้องวัตถุใดวัตถุหนึ่ง โดยกวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกล ๆ เพื่อที่จะทำให้ดวงตาของเราได้ผ่อนคลายบ้าง

2. กะพริบตา ต้องหมั่นกะพริบตาบ่อย โดยทุกๆื 10 วินาที ควรกะพริบตา 1-2 ครั้ง เพื่อที่จะช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำเหลืองหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา

3. สร้างจินตภาพ โดยสร้างว่าตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างอยู่ื ที่มีสีสันสดใส มีรายละเอียดต่าง ๆ ชัดเจน สายตาที่คมชัดจากจินตนาการของเราเองจะช่วยเยียวยาสายตาจริง ๆ ของเราได้เป็นอย่างดี

4. ครอบดวงตา ด้วยการโค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉย ๆ นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย อยู่ในท่านี้สักประมาณ 10นาที

5. โฟกัสภาพที่ใกล้และไกล เหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุด ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกันตั้งนิ้วชี้มือขวา ให้ห่างจากใบหน้า สัก 3 นิ้ว โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา

6. หมั่นพักสายตา
มองไปยังต้นไม้สีเขียว ทุกๆ 30 นาที ระหว่างที่เราทำงานเกี่ยวกับการใช้สายตาอยู่ตลอดเวลา เช่นการอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

7.แกว่งตัว
ยืนแยกเท้าห่างออกเท่ากับช่วงไหล่ของเราเอง แล้วแกว่งตัวไปมาจากซ้ายทีขวาที ทำอย่างนี้เรื่อยๆ และถ่ายน้ำหนักตัวลงบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้อง ปล่อยให้จุดที่เรามอง แกว่งไปมาซ้ายขวาตามการ

8. ชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่น
หลังตื่นนอนทุกเช้าให้ใช้มือวักน้ำอุ่นชโลมดวงตาประมาณ 20 ครั้ง สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาของเราเอง

นอกจากวิธีถนอมดวงตาเหล่านี้จะช่วยได้แล้วเรายังต้องหาอาหารที่มีประโยชน์มาบำรุงสายตาของเราเองบ้างนะคะ จะเป็นการช่วยถนอมดวงตาอีกวิธีหนึ่งค่ะ

วิธีสร้างความสดชื่นขึ้นทันตา

1. ออกกำลังกายเบาๆ การออกกำลังกายเพียง 10 นาที ก็สามารถเพิ่มพลังให้คุณได้ทันทีนานหนึ่งถึงสองชั่วโมงหลังจากนั้น แถมยังทำให้อารมณ์ดีขึ้นด้วย (ซึ่งดีกว่าการแทะเล็มช็อคโกแลตแทงมากนัก) หรือแค่กระโดดขึ้นลงไปมา ซึ่งไม่เพียงสนุกเท่านั้น ยังเป็นการออกกำลังกายส่วนล่างที่ดีมากวิธีหนึ่ง

2. สมองแจ่มใสด้วยมิ้นท์ กลิ่นเป๊ปเปอร์มิ้น และยูคาลิปตัสจะกระตุ้นสมองส่วนที่ทำให้เราตื่นตัว ให้เลือกแชมพูหรือครีมอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมของกลิ่นที่ว่ามาอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อปลุกให้คุณกระฉับกระเฉงระหว่างอาบน้ำ หรือจะเลือกวิธีกระตุ้นที่เร็วกว่านั้นด้วย แผ่นฟิล์มใสดับกลิ่นปากบางยี่ห้อจะมี กลิ่นมิ้นท์ที่ให้ความรู้สึกเย็นซ่าเหมือนใส่เครื่องปรับอากาศย่อส่วนบนลิ้นเลยเชียว

3. สะสางสิ่งของ ถ้าไม่อยากให้ชีวิตรกรุงรัง ให้เริ่มสะสางลิ้นชัก จัดระเบียบโต๊ะทำงาน หรือตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่กระเป๋าสตางค์ของคุณ แม้วิธีนี้จะไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์อธิบายแต่กล่าวกันว่าการจัดสภาพแวดล้อมให้เป็นระเบียบจะทำให้ตัวตนภายในของคุณเป็นระเบียบด้วย เหมือนวิธีบำบัดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะจัดระเบียบส่วนไหน ก็ไม่มีอะไรเสียหายและการสะสางชีวิตอาจทำให้คุณตื่นตัวมากกว่ากาแฟแพงๆ ซะด้วยซ้ำ แถมยังไม่ต้องเสียตังค์อีกตากหาก

4. ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า คืนความเปล่งปลั่งให้ผิวด้วยการเพิ่มความชุ่มชื่นแบบเร่งด่วนในรูปแบบของเจลต้านริ้วรอยที่ให้ความเย็นชุ่มฉ่ำเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยบางยี่ห้อก็จะประกอบด้วยน้ำแร่บริสุทธิ์และสารสกัดจากแพลงตอนเขตร้อน และยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญหลายตัวเพื่อเป็นอาหารของผิวโดยที่ให้ความชุ่มชื่นและสารอาหารตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าอุณหภูมิเปลี่ยนแปลงหรือไม่ คุณก็จะรู้สึกเย็นผิวเหมือนมีลมทะเลพัดผ่าน

5. งีบเติมพลัง ปิดประตูห้องทำงาน (ถ้ามี) แล้วงีบหลับที่โต๊ะทำงานสัก 15 นาที ระหว่างพักเที่ยง คุณจะตื่นขึ้นด้วยความสดชื่นอีกครั้งและพร้อมจะสู้กับโลกเชียวล่ะค่ะ กล่าวกันว่ามันจะได้ผลดีกว่าการงีบหลับนานเป็นชั่วโมงซึ่งทำให้คุณรู้สึกเหมือนต้องการนอนมากขึ้น

6. จิบน้ำมะนาวในวันร้อน ทำน้ำมะนาวให้เปรี้ยวเท่าที่สามารถดื่มได้ โดยไม่ใส่น้ำตาล ดื่มดับกระหายได้เสมอและยังช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นด้วย

7. ทำผม เชื่อหรือไม่ว่าการทำผมให้ความรู้สึกสดชื่นกว่าการแต่งหน้าเต็มยศซะอีก ถึงแม้แต่งหน้าแย่ยังไงก็ไม่สร้างความรู้สึกวันนั้นได้เลวร้ายเท่ากับการทำผมแย่ ทรงผมจะถ้าทำดีจะช่วยให้มีชีวิตชีวาให้ภาพลักษณ์ของตัวคุณเองเกือบครึ่งนึงที่มีส่วนช่วยลดอายุคุณลงไปอีกหลายปี ยังไงคุณก็ไม่จำเป็นต้องเสียค่าตัดผมเดือนละครั้งหรอก เพียงแค่รู้จักวิธีเปลี่ยนทรงผมใหม่อยู่บ่อยๆ ก็เพียงพอ แค่นี้ก็สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ทั้งหมดได้

8. หาเวลาพักร้อน เก็บเงินและหาเวลาพักร้อนไปแบบที่มีทำสปาด้วย ไปเที่ยวทะเลหรือรีสอร์ท การได้เปลี่ยนบรรยากาศจะทำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดีและเติมพลังชีวิตได้อย่างเต็มล้นกว่าอย่างอื่น ควรใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 วัน เพื่อดื่มด่ำกับสถานที่นั้นรวมถึงบรรยากาศและวิถีชีวิตผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการกินหรือการช๊อปปิ้งก็ตาม

9. อาบน้ำใต้ฝักบัว เริ่มวันทำงานด้วยการอาบน้ำใต้ฝักบัวและชโลมเจลกลิ่นส้ม เพื่อความสดชื่นเป็นพิเศษ ถ้าเป็นไปได้ลองไปแช่ตัวในบ่อน้ำพุร้อนของสปาสักแห่งก็น่าจะดี

10. เปลือยกายเดินไปมา อย่าพึ่งตกใจค่ะ ไม่ได้ให้คุณไปแก้ผ้าเดินในที่สาธารณะให้ใครตาเป็นกุ้งยิงกันค่ะ เพียงแค่ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินไปมาในห้องส่วนตัวแล้วเริ่มเต้นรำเป็นจังหวะเพลงโปรด ก็จะทำร่างกายตื่นตัวและแจ่มใสขึ้นทันที


ข้อควรระวังการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

“ริ้วรอย” เป็นเครื่องยืนยันประสบการชีวิตของคนเราว่าล่วงเลยมานานแค่ไหนแล้ว แต่สำหรับสาวๆ ไม่ว่าวัยจะล่วงเลยไปเท่าไหร่ ทุกคนก็ไม่ปรารถนาจะให้มันมาเยือนบนใบหน้าใช่ไหมล่ะคะ จริงๆ แล้วริ้วรอยบนใบหน้าส่วนใหญ่จะเกิดจากการแสดงความรู้สึกและพฤติกรรมของตัวคุณเอง เช่นถ้าคุณชอบหยีตาบ่อยๆ ก็จะเกิดริ้วรอยตรงหางตา ถ้าคุณชอบหัวเราะบ่อยๆ ก็จะเกิดริ้วรอยตรงร่องแก้ม ส่วนริ้วรอยบนหน้าผากก็จะเกิดจากชอบเลิกคิ้วบ่อยๆ และริ้วรอยบนลำคอ ก็บอกให้รู้ว่าคุณเป็นคนชอบนอนหมอนสูงเกินทำให้คอพับมาข้างหน้าในขณะหลับนอน ถ้าเราทำพฤติกรรมเช่นนี้อยู่บ่อยๆ ริ้วรอยก็โดนทำซ้ำๆ เรื่อยๆ แล้วจะเป็นร่องลึกขึ้น เห็นชัดขึ้น แล้วจะแก้ไขไม่ได้

ริ้วรอยหางตา
เป็นริ้วรอยเส้นบางๆ รอบๆ หางตา ที่เรียกเราเรียกกันว่าตีนกา บ่อยครั้งมักปรากฏกับคนที่ชอบหัวเราะมากๆ และเมื่อเจอแสงจ้าก็จะหยีตาก็จะทำให้เกิดริ้วรอยได้

ริ้วรอยบนเปลือกตาบน
ริ้วรอยเส้นบางๆ เกิดมาจากความแห้งมักจะเกิดขึ้นบริเวณนี้ ดังนั้น การให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนังบริเวณนี้จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ

ริ้วรอยใต้ตา
ริ้วรอยพับย่นใต้ตา บ่อยครั้งมักปรากฏบริเวณนี้ และทำให้ใบหน้าดูโรยล้า สาเหตุหนึ่งก็เกิดจากการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนทำให้ดวงตาอ่อนล้า

ริ้วรอยระหว่างเรียวคิ้ว
ริ้วรอยนี้มักจะปรากฏกับบุคคลที่นิ่วหน้าเวลาครุ่นคิด หรือเพ่งมองเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง และทำให้สีหน้าเครียด ไม่สบายใจ เป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่หงุดหงิด หรือมองเรื่องใดๆ ในแง่ลบ

ริ้วรอยร่องแก้ม
เป็นริ้รอยลึกแนวยาว ปรากฏเป็นแนวพาดจากข้างจมูกลงมาจนถึงมุมปาก และก่อให้เกิดสภาพริ้วรอยแห่งวัย การทำมุมปากตก ห้อย ทำให้ใบหน้าดูมีความไม่พึงใจ ไม่สบายใจ คุณควรใส่ใจต่อลักษณะการหย่อนคล้อยของพวงแก้ม และรอบริมฝีปาก

ริ้วรอยบนหน้าผาก

เกิดจากการแสดงออกทางสีหน้า และทำให้ใบหน้าดูมีอายุขึ้น คุณจำเป็นต้องระมัดระวัง ถ้าคุณมีนิสัยชอบทำตาโตแอ๊บแบ๊ว ระวังหน้าผากจะเป็นริ้วรอยและจะดูแก่ก่อนวัยในอนาคต

ริ้วรอยรอบคอ
รอยเส้นลึกแนวขวางปรากฏขึ้นตามวัย ริ้วรอยรอบลำคอจะบอกถึงอายุของคนเรา ถ้าคุณใช้หมอนรองศีรษะที่ทำให้คอของคุณแอ่นไปข้างหน้า นั่นอาจเป็นสาเหตุก่อให้เกิดริ้วรอยรอบคอของคุณได้ ฉะนั้นควรหาหมอนที่มีขนาดความสูงพอดีจะได้ไม่เกิดริ้วรอยบริเวณนี้




วิธีประหยัดเงินก่อนจะถังแตก

เงินทองที่หามาได้ถ้าไม่รู้จักใช้ ไม่รู้จักไตร่ตรองวางแผนก่อนใช้ ก็จะหมดไปก่อนที่จะถึงกำหนดเงินเดือนเดือนใหม่จะออก รับรองว่าเกือบทุกคนเคยเจอปัญหานี้มาแล้ว บางคนต้องไปก่อหนี้ยืมสินจากคนอื่นมา ทำให้เงินที่แต่ละเดือนก็ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ก็เจอปัญหาหนักเพิ่มขึ้นอีกต้องคอยหลบเจ้าหนี้ที่คอยแต่จะทวงหนี้ ถ้าใครไม่อยากเจอปัญหาแบบนี้ ลองมาดูวิธีประหยัดเงิน เริ่มจากแบบง่ายๆ ก่อนโดยไม่ต้องเหงื่อตกค่ะ

1. ชีวิตอิสระทำไมต้องจ่ายค่าสมาชิกบัตรเครดิต ถ้าคุณไม่จำเป็นต้องจ่าย ดังนั้นควรเลือกธนาคารที่งดเว้นค่าธรรมเนียมนี้ถ้าคุณคิดจะทำบัตรเครดิต และถ้าเป็นไปได้ทำบัตรเครดิตเท่าที่จำเป็นเท่านั้น อย่าทำบัตรเครดิตหลายๆ ใบ เพียงเพราะเหตุผลว่าคุณจะได้กระเป๋าเดินทางที่เป็นของพรีเมี่ยมสวยเก๋มาใช้ช่วงซัมเมอร์

2. ราคานาทีทอง พวกอาหารกล่องปรุงสำเร็จแบบวันต่อวัน หรือพวกเบเกอรี่ เราสามารถมองหาส่วนลดได้หลัง 1 ทุ่มโดยประมาณ มันจะถูกมากๆ เลย บางทีลด 30 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจลดครึ่งราคาเลยก็มี อย่างเช่นข้าวกล่องชุดญี่ปุ่นที่ราคาจริงประมาณ 75 บาท สามารถซื้อได้ในราคา 39 บาท อาหารพวกนี้ยังคงใหม่และสดอยู่ พวกเขาเพียงแต่ต้องการเคลียร์อาหารที่มีอยู่ให้หมดก่อนเวลาห้างปิดเท่านั้น

3. จ่ายรายปีถูกกว่า ถ้าต้องดูเคเบิ้ลทีวี หรือต้องอ่านแมกกาซีน ทุกเดือนอยู่แล้ว แทนที่คุณจะจ่ายเป็นรายเดือน ก็เลือกจ่ายเป็นรายปีไปเลย จะคุ้มค่ากว่า นอกจากจะได้ส่วนลดแล้ว อาจได้ของแถมอีกต่างหาก เช่น ได้ดูฟรีอีก 1 เดือน ได้ครีมบำรุงผิวมาสักชุดสองชุดไง

4. เลือกให้เหมาะ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกบริการที่เป็นแพ็คเกจ อย่าง โทรศัพท์มือถือหรือ เคเบิ้ลทีวี คุณไม่จำเป็นต้องเลือกบริการแบบเต็มรูปแบบที่ผู้ให้บริการเสนอให้ก็ได้คิดทบทวนให้ดีๆ เสียก่อน ว่าสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ คืออะไร บางทีคุณอาจไม่ทันคิดว่ามันเกินความจำเป็นของคุณก็ได้ แล้วจะจ่ายแพงเพื่อส่วนนี้ไปทำไม

5. เคลียร์หนี้เป็นอันดับแรก “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” เคยได้ยินเหมือนกันใช่หรือเปล่าคำกล่าวนี้เชื่อได้ล้านเปอร์เซ็นต์ หนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับโรคร้ายหรอก ถ้าเราปล่อยให้มันกัดกินร่างกายของเราโดยไม่มีการบำบัดรักษา มันก็จะลุกลามไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งร่างกาย ดังนั้นทุกครั้งที่เงินเดือนออก คุณรู้ตัวว่าเป็นหนี้อะไรอยู่ก็ตามให้รีบจ่ายมันไปให้หมด อย่าปล่อยให้พอกพูนได้ จำไว้ว่าอาการ “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” นะ มันไม่สนุกหรอกค่ะ



เดทแรกไปไหนกันดีน๊า???


ไม่ว่าใครก็ตามเวลามีนัดเดททีไรก็ชวนกันไปกินข้าวทุ๊กที แล้วก็ต่อด้วยดูหนัง กินข้าว ดูหนัง ดูหนัง กินข้าว เป็นอย่างนี้ตลอด วันนี้เราก็เลยมีสถานที่แนะนำเป็นสถานที่ที่คุณสามารถสวีทได้ไม่แพ้ใต้แสงเทียนของร้านอาหาร หรือในความมืดของโรงหนังเลย


1. อ้าปากหัวเราะกันดังๆ ให้สบายใจ ทลายกำแพงความเขินอายด้วยการชวนกันไปดูโปรแกรมอะไรตลกๆ อย่างพวกทอล์คโชว์ขำๆ ที่เดี๋ยวนี้มีออกเยอะแยะ ดูแล้วก็กไปหัวเราะกันให้สนุก ขำให้มันสุดๆ ปลดปล่อยเสียงหัวเราะแบไม่ต้องเขิน เขาจะได้รู้ว่าคุณเป็นสาวอารมณ์ดีไง

2. ดูละครเวทีสดๆ บ้าง ผละจากจอเงิน มาเป็นดูละครเวที หรือการแสดงศิลปวัฒนธรรมแบบสดๆ จะวิ่งกันไปมาให้เห็นบนเวที มีให้ดูเยอะแยะ บ้างก็มาเปิดการแสดงจากต่างประเทศก็มี นอกจากจะสนุกฉีกจากอะไรจำเจเดิมๆ แล้ว งานแบบนี้ยังหาดูไม่ได้ง่ายๆ ไม่มีวีซีดีทำขายด้วย จบแล้วจะได้เป็นความทรงจำของคุณตลอดไป

3. ใครว่ามดขึ้นลานไอซ์ไม่ได้ ลานไอซ์สเก็ตเวลาที่ใครได้เข้าไปอยู่ในนั้นจะให้ความรู้สึกเหมือนเราได้กลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง มีชีวิตชีวาสดใส ได้เล่นได้หยอกล้อกันไป โรแมนติกดี ยิ่งในเดทแรกมันจะช่วยสร้งความรู้สึกดีๆ ให้กันตลอด รับรองว่าหลังจากนั้นความสัมพันธ์จะราบรื่นสุดๆ

4. กีฬาฮาเฮ สาวๆ ก็ยอมหนุ่มๆ บ้างสักครั้งเถอะ งานนี้ถ้าไม่รู้จะชวนคุยอะไร ก็ทำเป็นแกล้งโง่ ถามเรื่องเกมกีฬานั้นไปเลยก็ได้ นอกจากเขาจะรู้สึกดีกับคุณแล้ว เขายังรู้สึกว่าคุณเข้ากับเขาได้ดี ไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีแต่หวานจนเลี่ยนอย่างเดียว แต่มีความห้าวนิดๆ อยู่ในตัวด้วย

5. สไตร์คหัวใจเขา ด้วยการชวนกันไปเล่นโบว์ลิ่ง การไปเบ่นโบว์เป็นโอกาสดีที่คุณจะได้สังเกตท่วงท่าของของ ทั้งกล้ามแขน ลำตัว ก้นงอน และหุ่นของเขาว่าดูดีขนาดไหน นอกจากนี้บรรยากาศที่สนุกสนานอาจทำให้คุณได้แปะมือกับเขาหรือเลยเถิดไปถึงขั้นกอดฉลองกันอีกด้วย จะได้หายเกร็งกัน

6. ห้องเรียนรัก ไปหาอะไรสนุกๆ ที่ไม่เคยรู้กันทั้งคู่แล้วลงเรียนด้วยกันซะเลย อย่างหัดทำอาหารอินเดียด้วยกัน เรียนเต้นรำ หัดยิงปืน วาดรูป ดำน้ำ คุณจะได้สร้างเรื่องที่สามารถคุยกันได้รู้เรื่องแค่สองคน เป็นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ด้วยกัน

7. เรื่องกินขาดไม่ได้อยู่ดี นโปเลียนบอกเอาไว้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องสุดท้ายก็หนีไม่พ้นอยู่ดีนั่นแหละ แต่ลองเลือกร้านอาหารที่มีอะไรสนุกๆ ให้เล่นไปด้วย อย่างพวกร้านสุกี้ ไอติมผัดได้ ที่ให้คุณได้มี่อะไรทำร่วมกัน เพิ่มสีสันให้บรรยากาศรอบตัว

เห็นไม๊ล่ะคะว่าลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง ทำไมเรารต้องทำซ้ำๆ กับเดทครั้งก่อนด้วยล่ะ จริงมั๊ยเอ่ย!!!!



ทริปการดูแลเท้าแบบง่ายๆ

1. ล้างเท้าให้สะอาดเสมอ โดยเฉพาะที่ง่ามนิ้วควรเช็ดให้แห้งสนิททุกครั้ง อย่าทาโลชั่นที่ง่ามนิ้วเพราะจะเป็นเชื้อรา

2. ควรเลือกซื้อรองเท้าที่ไม่สบาย วัสดุต้องนิ่ม เบา ระบายอากาศ

3. อย่าใส่รองเท้าที่คับหรือหลวมเกินไป เวลาเลือกซื้อรองเท้าควรไปตอนบ่ายๆ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เท้าขยายตัวมากที่สุด

4. ควรมีรองเท้าที่เหมาะสำหรับกิจกรรมแต่ละอย่างโดยเฉพาะการออกกำลังกาย ต้องมีรองเท้าที่รองรับน้ำหนักได้ดี

5. ถ้าต้องนั่งบนเครื่องบิน หรือรถยนต์นานๆ ให้ใส่รองเท้าหลวมๆ หน่อยเพราะเท้าจะขยายถ้าอยากถอด รองเท้าก็ควรหาถุงเท้าคู่ใหม่ไปใส่ทับไว้ป้องกันกลิ่นรบกวนคนข้างๆ

6. รองเท้าทุกคู่ ควรหมั่นเอาออกผึ่งแดดผึ่งลมบ้าง อย่าปล่อยให้อับชื้น และปล่อยให้เป็นที่สะสมของกลิ่นและเชื้อโรค

7. ควรหาโอกาสเหยียบคลึงฝ่าเท้าบนลูกเทนนิสหรือกระป๋องน้ำอัดลมเป็นวิธีแก้เมื่อยได้ดีสำหรับสาวส้นสูง

8. ควรจะต้องทาครีมกันแดดที่บริเวณเท้าด้วยทุกครั้ง เวลาเดินเล่นตามชายหาด

9. เวลาไม่สบาย หรือได้เข้ารับการผ่าตัดในโรงพยาบาล ควรล้างสีเล็บมือและเท้าออกให้หมดเพราะเวลาที่เราหมดสติไป พยาบาลสามารถสังเกตสีเล็บได้ว่าเราอยู่ในอาการที่ปลอดภัยดีหรือเปล่า

10. อย่าใส่รองเท้าคู่เดิมๆ ทุกวันควรมีเปลี่ยนบ้างจะได้ไม่ต้องถูกกดจุดเดิมๆ ซ้ำซากทุกวัน




วิธีเลือกตัดผมตามราศีเกิด










สำหรับสาวๆ ที่คิดอยากเปลี่ยนทรงผม แต่ไม่รู้จะทำทรงไหนดี ลองเปลี่ยนวิธีเลือกทรงผมใหม่ จากที่ดูเทรนด์ของคนอื่นเค้ามา เปลี่ยนมาเป็นเลือกตัดทรงผมตามราศีกันดีกว่ามั๊ยคะ นอกจากจะได้ผมทรงใหม่ที่สวยเก๋แล้วอาจจะทำให้อะไรๆ ในชีวิตดียิ่งๆ ขึ้นไปอีกไงล่ะคะ


สำหรับสาวที่เกิดราศีมังกร ควรตัดผมหน้าม้าเสมอคิ้ว เพิ่มประกายสดใสเส้นผมด้วยสีน้ำตาลประกายส้มหรือน้ำตาลช็อกโกแลต ทำให้แลดูเป็นสาวน้อยวัยหวานไปเลยนะคะนี่

สาวราศีกุมภ์ ดัดผมเป็นลอนคลื่นนุ่มสลวย แล้วเพิ่มสีสันด้วยสีบลอนด์อ่อน ประกายหมอกเหลือบเขียว กลายเป็นสาวหวานปนเซ็กซี่นิดๆ ไงคะ

สาวราศีมีน ซอยสไลด์ทั้งศีรษะแต่ไม่สั้นมากปล่อยด้าน หลังให้ยาวระดับบ่า ด้านหน้าตัดขอบเฉียงปิดตา 1 ข้าง ทำให้เธอดูมีเสน่ห์น่าค้นหา จัดทรงปล่อยเส้นผมให้เป็นอิสระ เพิ่มสีสันด้วยน้ำตาลอ่อนประกายชมพู ก็เป็นทรงผมนึงที่เท่ห์ไม่หยอกเลยค่ะ

สาวราศีเมษ ปล่อยด้านข้างยาวกว่าปลายคาง จับเซต ออกมาในลักษณะของการสลับไขว้กันไปมาให้ดูโฉบเฉี่ยว เพิ่ม ชีวิตชีวาด้วยสีหมอกน้ำเงิน ไฮไลต์สีบลอนด์อ่อน กลายเป็นสาวเปรี้ยวสไตล์สาวฮอลลีวู้ดเลยใช่มั๊ยคะ

สาวราศีพฤษภ ผมหยิกแบบเปิดหน้าผากตั้งแต่ช่วงหน้าผากลงมาควรให้ยาวเกินคางมาสัก 2 - 3 ซม. จะช่วยให้หน้าดูเด่นและคมขึ้น ไฮไลต์ช่วงลอนด้วยสีบลอนด์อ่อนมากที่สุดเพื่อให้ตัดกับสีเข้มของด้านบน ก็จะกลายเป็นสาวสวยที่น่าค้นหาจริงๆ เลย

สาวราศีเมถุน ผมซอยเป็นม้าระดับลูกตา ด้านข้างไว้จอนเป็นประกายถึงปลายคาง ด้านหลังซอยบาง ๆ คล้ายผมรากไทร ไฮไลต์สีบลอนด์อ่อนประกายแดงทองเป็นช่อ ๆ ทั้งศีรษะ เฮ้!!! แฟนนึกว่าควรสาวญี่ปุ่นเที่ยวแน่นอนเลยคราวนี้

สาวราศีกรกฎ ตัดทรงบ๊อบประยุกต์ ไฮไลต์เป็นช่อ ๆ ด้วยสีแดง สวยเป็นสาวเปรี้ยวโฉบเฉี่ยวน่าดูเลย

สาวราศีสิงห์ ผมซอยสั้น เน้นความยาวของเส้นผมบริเวณกลางศีรษะชี้ขึ้นมาเป็นแนวคล้ายครีบปลา แต่งแต้มสีสันด้วยสีบลอนด์จาง ๆ จิ๊กกี๋ตัวจริงก็คือสาวราศีนี้นี่เองค่า

สาวราศีกันย์ ทรงผมไม่ว่าจะเป็นผมปล่อยธรรมชาติหรือรวบแบบไม่ตั้งใจเสมือนเพิ่งตื่นนอนจัดแต่งให้ดูนุ่มนวลมีน้ำหนักและพลิ้วไหว ทำสีบลอนด์ผสมม่วงประกายมุก หวานซะไม่มีเลยใช่มั๊ยคะ

สาวราศีตุลย์ ให้ปลายผมชี้ออกเสมือนปล่อยเส้นผมให้เป็นอิสระ เพิ่มสีสันด้วยการใช้สีดำรองพื้นและไล่สีประกายชมพูเข้ม กลายเป็นสาวพั้งค์ที่สวยที่สุดไปเลยค่ะ

สาวราศีพิจิก สไลด์ผมให้สั้นกว่าระดับกรอบหน้าเพื่อให้ ดูเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น ทำสีบลอนด์อ่อนประกายแดงมะฮอกกานีผสมสีบลอนด์กลางประกายแดงมะฮอกกานี คุณผู้ชายเห็นแล้วต้องระวังหัวใจตัวเองให้ดี จะละลายก็เพราะผมทรงนี้ของสาวราศีพิจิกแน่นอน

สุดท้ายก็สาวราศีธนู ควรเปิดหน้าผากกว้างและมีไรผมพองาม เติมสีสันเพิ่มเสน่ห์ให้เส้นผมด้วยแบบผมยาวประบ่า ทำโลว์ไลต์สีชมพูผสมสีเขียว น่ารักสดใสจังเลยค่ะ


ลูบไล้ครีมเพื่อผิวสวยใส

สวัสดีค่ะชาว I Woman ที่รัก วันนี้มีเรื่องความงามมาฝากกันอีกแล้วค่ะ สำหรับสาวๆ ที่อยากมีหน้าสวยใส และคิดว่าสาวๆ แต่ละคนคงจะสรรหาผลิตภัณท์ความงามมาบำรุงผิวหลากหลายรูปแบบ แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักครีมแต่ละชนิดอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นเรื่องที่จะเอามาฝากวันนี้ก็เพื่อที่สาวๆ จะได้ทำความรู้จักกับครีมชนิดต่างๆ ที่ใช้กันอยู่เป็นประจำกันไงละคะ

1. ครีมมอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer)
เป็นครีมบำรุงผิวหน้า ที่สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่ถ้าจะให้ดีควรใช้เฉพาะกลางวัน โดยแต้มเนื้อครีมให้ทั่วใบหน้าแล้วใช้มือไล้เพียงบางๆ ก่อนที่จะลงมือแต่งหน้า

2.อายครีม (Eye Cream)

เป็นครีมที่ใช้บำรุงผิวรอบๆ ดวงตา ซึ่งเป็นส่วนที่บอบบางที่สุด อายครีม จึงเป็นครีมที่มีความบางเบาเป็นพิเศษ เพื่อผิวบริเวณนี้โดยเฉพาะ เพราะผิวรอบดวงตา มักจะบอบบาง และแพ้ได้ง่าย

3.ครีมรองพื้น (Foundation Cream)

ครีมตัวนี้ไม่ได้เป็นตัวช่วยบำรุงผิวหน้าแต่อย่างใด เพียงแต่จะช่วยกลบเกลื่อนริ้วรอยต่างๆ และจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้หน้าเรียบเนียน และจะเป็นตัวช่วยยึดติดกับแป้ง ทำให้เมื่อทาแป้งแล้ว นอกจากผิวจะดูเรียบเนียนสวยใสยังทำให้แป้งติดทนนานอีกด้วย สำหรับครีมรองพื้นนี้จะมีทั้งแบบชนิดครีม ชนิดน้ำ หรือชนิดโฟม แล้วแต่จะเลือกใช้ให้ตามความถนัดและตามลักษณะผิว

4.ครีมกันแดด (Sunscreen)

เป็นครีมที่ใช้ทาเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน กระตุ้นการเกิดฝ้าและกระ รวมถึงโรคมะเร็งผิวหนัง ครีมกันแดดจะสามารถช่วยปกป้องผิวให้พ้นาจากการทำลายของแสงแดด ครีมแต่ละชนิดจะมีส่วนผสมสารป้องกันรังสี UV อยู่แล้ว เพียงแต่เราสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับสภาพแสงที่เราจะได้รับโดยจะมีค่า SPF เป็นตัวบอกว่าครีมแต่ละชนิดสามารถจะปกป้องแสงได้ขนาดไหนนี้ไว้แล้ว

5.ครีมล้างหน้า (Cleansing Cream)

สำหรับสาวที่ชอบแต่งหน้าเป็นประจำ การล้างหน้าที่มีเครื่องสำอางอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การจะใช้สบู่เพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถล้างเครื่องสำอางที่เกาะติดแน่นทนนานเพื่อความงามตลอดวันนั้นโดยง่าย เพราะเครื่องสำอางบางชนิดจะผสมสารกันน้ำอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นครีมล้างหน้าจึงมีบทบาทสำคัญมากเพราะสามารถล้างเครื่องสำอางได้หมดจด ซึ่งครีมล้างหน้าก็จะมีอยู่หลายชนิด บางชนิดที่มีราคาสูงหลังจากเช็ดครีมด้วยสำลีหรือกระดาษเนื้อนุ่มแล้วก็ล้างน้ำธรรมดาได้เลยแต่ครีมบางชนิดเมื่อเช็ดออกแล้วต้องล้างด้วยสบู่หรือโฟมอีกครั้ง หน้าจึงสะอาดสะอ้านดังเดิม

6.ไนท์ครีม (Night Cream)

เป็นครีมที่ใช้ทาหน้าเพื่อบำรุงผิวระหว่างนอนหลับพักกผ่อนตลอดคืน ไนท์ครีมมักมีความเหนียวข้น และมีความมัน ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องดูแลผิวให้ชุ่มชื้นสดใสจนถึงเช้าวันใหม่

7.บอดี้ครีม (Body Cream)

เป็นครีมทาตัว ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังดูสดใสขึ้น ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ลดการสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิว ทำให้ผิวที่เป็นขุยขาวๆ หายไป บอดี้ครีมใช้ทาหลังอาบน้ำ เช็ดตัวให้แห้งแล้วทา ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

8.แฮนครีม (Hand Cream)

เป็นครีมสำหรับทาบำรุงมือ เพื่อช่วยให้ผิวบริเวณมือไม่เหี่ยวย่นเพราะมือเป็นส่วนที่สัมผัสกับความร้อนและเย็นมากที่สุดการล้างมือทุกครั้งทำให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงผิว มือจะแห้งหยาบกร้าน โดยครีมตัวนี้จะทาหลังการล้างมือทุกครั้ง หรือทาระหว่างวันก็ได้

บรรดาครีมต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็เป็นครีมที่ คุณสาวๆ ส่วนใหญ่จะรู้จักและเคยใช้หรือใช้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีครีมอีกหลากหลายชนิด อันได้แก่ ครีมขัดหน้า ครีมนวดหน้า ครีมพอกหน้า ครีมลอกหน้า เป็นต้น แต่ครีมเหล่านี้ เราควรจะให้ผู้เชี่ยวชาญตามสถาบันความงามเป็นผู้ดูแลให้เราน่าจะดีกว่านะคะ ถ้าเราใช้สุ่มสี่สุ่มห้าไป ก็อาจจะเป็นอันตรายต่อผิวของเราเองได้

ป้องกันการเกิดรังแค

สำหรับใครๆที่ชอบใส่เสื้อสีเข้มแล้วสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอีกอย่างหนึ่งก็คือรังแค เพราะถ้าเกิดเป็นรังแคแล้วรับรองว่าหมดสวยแน่นอน ต่อให้จะแต่งหน้าสวย ใส่เสื้อแบรนด์เนม ผมยาวสลวย แค่เป็นรังแคอย่างเดียว ก็ตกม้าตายได้เหมือนกัน ใครที่ไม่อยากให้ผมมีรังแค วันนี้มีวิธีหลีกเลี่ยงการเกิดของรังแคมาบอก

- สระผมด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้หนังศีรษะไม่แห้งและลอกเป็นขุย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแค ยังทำให้ผมดูนุ่มสลวย เงางามอีกต่างหาก

- หลีกเลี่ยงแสงแดดที่จัด เพราะแสงแดดตัวการสำคัญที่ทำลายเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้หนังศีรษะแห้ง เส้นผมชี้ฟู ขาดน้ำหนัก และไม่เงางาม

- นวดบำบัดขจัดรังแค ทุกครั้งที่สระผมควรนวดศีรษะเบา ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความเครียดแล้ว ยังสามารถขจัดเซลล์หนังศีรษะที่ตายให้หลุดลอกได้ง่ายขึ้น

- เลือกยาสระผมให้เหมาะสม ควรใช้ยาสระผมที่ช่วยขจัดรังแคอย่างสม่ำเสมอ และควรล้างแชมพูให้สะอาดทุกครั้งหลังสระผม เพื่อขจัดสารเคมีที่ตกค้างบนหนังศีรษะ

- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ควรรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของธาตุสังกะสี วิตามินบี ซี และอี อยู่เสมอ เพื่อใช้ในการบำรุงหนังศีรษะ

ไดร์ผมตรงสวยด้วยตัวเอง


สำหรับสาวๆ ที่ไว้ผมยาว ก่อนจะออกจากบ้านแต่ละครั้งจะต้องพิถีวพิถันอย่างมากกว่าจะออกบ้านได้ ผมตรงจะสวยได้นั้น เส้นผมต้องได้รับการดูแลอย่างดีเสียก่อน เพราะผมตรงจะสังเกตเห็นข้อบกพร่องของเส้นผมได้ค่อนข้างชัด ส่วนขั้นตอนการเซ็ตผมก็สำคัญไม่น้อย ถ้าเราไม่รู้วิธีแต่อยากสวยก็จำเป็นต้องเสียทรัพย์ไปให้กับร้านทำผมไปให้เค้าหนีบไปให้เค้าไดร์ ถ้าไม่อยากเปลืองตังค์ ก็ลองมาดูวิธีการเซ็ตผมอย่างมืออาชีพกันดีกว่าค่ะ

1. หลังสระผมแล้ว เช็ดผมให้แห้ง แล้วใช้มูส หรือ Thickening Cream ลูบให้ทั่ว เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้กับเส้นผม

2. สางผม ใช้หวีซี่ห่างๆ สางผมให้ทั่ว จะช่วยให้ครีมที่ช่วยเพิ่มความพองตัวกระจายทั่วถึง ตั้งแต่รากจรดปลายผม

3. แบ่งผมออกเป็น 5 ส่วนเท่าๆ กัน รวบผมขึ้นมาติดกิ๊บไว้แล้วไดร์ทีละส่วน

4. แปรงแล้วเป่า แกะช่อผมออกมา แล้วสอดแปรงกลมขนาดใหญ่ลงใต้ผมส่วนนั้น ค่อยๆ ลากแปรงจากลงมาตรงๆ จากโคนถึงปลายอย่างใจเย็น โดยใช้ความร้อน และลมปานกลาง ถ้าลมแรงหรือร้อนเกินไป จะทำให้ผมแห้งฟู ไม่เรียบตรงอย่างที่ต้องการ จากนั้นจึงวางแปรงที่ด้านบน แล้วแปรงลงมา ในขณะที่เป่าให้แห้งจะช่วยเพิ่มความนุ่มสลวยให้กับเส้นผม ทำแบบเดียวกันกับเส้นผมช่ออื่นๆ จนครบ

5. แต่งทรงให้เรียบสลวย ถ้าคุณเป็นคนผมหนา ให้บีบเจลหรือครีมแต่งผม ใส่ที่ฝ่ามือ แล้วลูบเบาๆ ที่เส้นผม จะช่วยกำราบผมตั้งชี้ได้ ส่วนคนผมเส้นเล็ก เซรั่มแบบไม่มีน้ำมัน สามารถใช้ได้ดีแต่แวกซ์ หรือครีมใส่ผมที่มีความมันมากๆ จะทำให้เส้นผมลีบเยิ้ม และหมดสวยได้



แต่งตัวสวยมีสไตล์ไม่ตกยุค



















การแต่งตัวดี ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ก่อนที่จะออกไปปฎิบัติภารกิจใดๆ นอกบ้าน จะทำให้รู้สึกมั่นใจ เมื่อมั่นใจซะอย่างจะพูด หรือทำอะไร ก็ย่อมได้รับการยอมรับ ได้รับความเชื่อถือ มากกว่าคนที่ไม่มีความมั่นใจแม้แต่ในเรื่องเสื้อผ้าหรือบุคคลิกของตัวเอง แม้ว่าเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือทรงผม ล้วนแต่ถูกจัดให้เป็นเรื่องของแฟชั่นกันไปหมด แต่การแต่งตัวให้ดูดี เราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามกระแสแฟชั่นเสมอไป ไม่อย่างนั้น มีหวังกระเป๋าฉีกกันไปตาม ๆ กัน แต่อยู่ที่การนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวของเราเองมากกว่า ถ้ารู้จักเลือกหยิบโน่นใส่นี่หยิบนี่ใส่นั่นก็สวยกว่าสไตล์เกาหลีที่เค้ากำลังอินกันอยู่เดี๋ยวนี้ ถึงแม้ว่าจะสวยในสไตล์ของตัวเองได้อย่างไร กูรูด้านแฟชั่นเค้าก็แนะนำไว้อย่างนี้ค่ะ

1. ลองรื้อค้นตู้เสื้อผ้า แล้วดูสิค่ะว่า เสื้อผ้า รองเท้าหรือกระเป๋าใบไหนที่เป็นคู่โปรด หรือชุดเก่งของคุณ และคัดแยกประเภทที่คุณไม่ค่อยได้ใช้ออกมา คุณก็ค้นพบความเป็นตัวขอตัวเองมากขึ้น

2. คงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่เสื้อผ้าแบรนด์ดัง ราคาสูงลิ่ว แล้วจึงจะมั่นใจ แต่การนำแนวคิดที่เป็นสากล มาปรับให้เข้ากันกับสไตล์ของแต่ละคน จุดนี้ต่างหาก ที่คุณจะได้รับประโยชน์จากการดูแฟชั่น

3. การแต่งตัวในยุคนี้ ผู้หญิงมีทางเลือกมากขึ้น จึงไม่ควรจำกัดตัวเองกับการแต่งตัวรูปแบบเดียว ชุดทำงานอาจดูขรึมขลังหน่อย เพื่อเสริมมาดหญิงมั่น แต่ในวันหยุด คุณอาจจะลุกขึ้นมาแต่งแบบสไตล์สาวเปรี้ยว หรือจะเป็นสาวหวาน สดใส ด้วย เสื้อผ้าสีสด คุณก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกได้ตามใจชอบ ขอให้มีความมั่นใจที่จะใส่เท่านั้นแหล่ะค่ะ

ขอเพียงมั่นใจที่จะแต่ง ศึกษาหาข้อมูล ในการที่จะแต่งตัวให้ดูดีในสไตล์ของตัวคุณเอง คุณก็ไม่มีปัญหากับการที่ต้องวิ่งตามกระแสแฟชั่นกันแทบทุกฝีก้าว และมั่นใจได้ว่าสวยอย่างมีสไตล์แน่นอนค่ะ ก็คนใส่มั่นใจซะอย่าง


วิธีหนีความอ้วน

ความอ้วน เปรียบเสมือนมะเร็งเนื้อร้ายที่เกาะกินทำลายจิตใจของของเจ้าของเรือนร่าง จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า ผู้ที่เป็นโรคอ้วนเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ และมีอายุสั้นกว่าอายุเฉลี่ยของคนทั่วๆ ไป โรคที่พบบ่อยในคนอ้วนคือ ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคข้อกระดูกเสื่อม โรคของระบบทางเดินหายใจ โรคมะเร็งบางชนิดและปัญหาสุขภาพอื่นๆ ถ้าใครรักตัวกลัวตาย อย่าได้เอาชีวิตเราไปเสี่ยงกับความอ้วนกันเลยดีกว่า ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะหลีกหนีความอ้วนได้ ถ้าที่อ้วนอยู่แล้ว หรือเห็นท่าว่ากำลังจะอ้วนมาใช้ยุทธวิธีนี้ในการกันดีกว่า สามารถให้เราลดน้ำหนักได้ โดยไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วน หรือว่าไปพึ่งพาสถาบันลดน้ำหนักให้เสียเงินเสียทองเปล่าๆ

1. ทำตัวให้คล่องแคล่วทุกเมื่อ อย่าปล่อยเวลาให้เสียไปเปล่า ๆ หรือมัวนั่งเซ็ง ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่งาน หรือที่บ้าน พยายามเคลื่อไหวตัวให้มากที่สุด จะทำให้คุณเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น

2. ไม่จำเป็นต้องเลิกของหวาน ถ้าคุณติดรสหวานหอมของช็อกโกแลต หรือขนมไทย ๆ อย่างทองหยิบ ทองหยอด หรือฝอยทอง ก็ไม่จำเป็นถึงขั้นที่คุณต้องตัดขาด เพราะยิ่งอด ก็จะยิ่งอยาก และยิ่งควบคุมใจยาก การทานนาน ๆ ครั้ง ไม่ได้ทำให้แผนลดน้ำหนักของคุณต้องล้มเหลวลงหรอก ถ้าคุณขยันออกกำลังกายมากขึ้นในสัปดาห์นั้น

3. ดื่มน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำในช่วงตื่นนอน นอกจากทำให้คุณสดชื่น และช่วยระบายท้อง ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีขี้น ช่วยลดความอึดอัด ในท้องได้ การดื่มน้ำในระหว่างวัน ก็ช่วยไม่ทำให้คุณรู้สึกเฉื่อยชาจากการรับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ

4. ทานอาหารมื้อเล็กๆ การทานอาหารมื้อเล็กๆ ห้าถึงหกมื้อ โดยทอดเวลาห่างกันซักสองสามชั่วโมงจะช่วยทำให้คุณไม่รู้สึกเฉื่อยชา เมื่อต้อง รับประทานอาหารแคลอรี่ต่ำ

5. ไม่ควรชั่งน้ำหนักบ่อยๆ การชั่งน้ำหนักตัวทุกวัน ทำให้คุณเกิดความเครียด และอาจท้อแท้ จนเลิกล้ม ความพยายามไปเปล่า ๆ ทางที่ดีคุณควรชั่งน้ำหนัก สัปดาห์ละครั้งก็พอแล้ว

6. อย่าตุนอาหารเต็มตู้เย็น ไปซุปเปอร์มาร์เก็ต คราวหน้า ลดปริมาณของที่ซื้อมาตุนในตู้เย็นลง เพราะยิ่งคุณมีของกินในบ้านมากขึ้น คุณก็ยิ่งกินมากขึ้น
7.ฟังเพลงเรียกเหงื่อ การฟังเพลงที่เร้าใจ ตอนออกกำลังกาย จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คุณออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง

8. หันมากินข้าวกล้อง นอกจากจะช่วยประหยัดไฟ ในการใช้สีข้าวให้ขาวจั๊ว ข้าวกล้องน่ะ ยังมีวิตามินดีๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่เพียบ เมื่อเทียบกับข้าวเม็ด ขาวสวย และที่สำคัญอยู่ติดท้องนานกว่า ทำให้อิ่มได้นาน

9. ตั้งใจและมุ่งมั่น อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ การลดน้ำหนักของคุณไม่ได้ผล ก็คือความรู้สึกท้อแท้ เมื่อเห็นน้ำหนักตัวไม่ขยับลงอย่างที่ควรจะเป็น บางทีเป็นเพราะคุณคาดหวังผลเร็วเกินไป แต่ขอให้เชื่อว่า การลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่อง ไม่เร่งให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ แม้ได้ผลช้า แต่ไม่เป็นผลเสียต่อสุขภาพและยังได้ผลที่ถาวรกว่า

ดูแลหน้าอย่างไรให้สวยใส

ก่อนที่เราจะมารู้วิธี ถนอมผิวพรรณกัน เราต้องรู้สภาพผิวของเราเองให้ดีก่อนว่าเรามีสภาพผิวแบบไหน I Woman มีธีตรวจสอบสภาพผิวแบบง่ายๆ มาให้สาวๆ ทดสอบสภาพผิวหน้าของตัวเองกันก่อน โดยเริ่มจากการล้าง หน้าให้สะอาดหมดจด คุณสาวๆ จะต้องไม่ชโลมด้วยครีมบำรุงผิวหน้าใดๆ ทั้งสิ้น ปล่อยให้ผิวหน้าแห้งสัก 1 ชั่วโมง แล้วทีนี้ลองเอากระจกมาส่องดู ต้องหากระจกแบบขยายสุดๆ จะให้ดีต้องถือกระจกออกไปส่องที่ระเบียงหน้าบ้าน หรือทำในที่สว่างๆ กันสักหน่อย สำรวจใบหน้า ขอแนะนำให้ทำตอนช่วงกลางวันเราจะสามารถแยกแยะสภาพผิวได้ชัดเจนกว่า

1. คุณมีผิวแห้ง ถ้าสังเกตเห็นว่าหน้าคุณแห้ง แตกเป็นขุย และปรากฎริ้วรอยบนโหนกแก้ม
2. คุณมีผิวมัน ถ้าต่อมของไขมันใหญ่กว่าชาวบ้านเขา และ ยังขยันผลิตน้ำมันออกมาให้หน้าคุณดูมันเยิ้มไปทั่วใบหน้า
3. คุณมีผิวผสม ถ้าปรากฎความมันเฉพาะบริเวณทีโซน คือบริเวณจมูก คางและหน้าผาก ในขณะที่บริเวณแก้ม อาจจะดูแห้งได้

วิธีดูแลผิวในแต่ละสภาพผิว

1. สาวผิวมัน
เป็นความเข้าใจผิด ถ้าคิดว่าต้องล้างหน้ากันบ่อยๆเพราะการล้างหน้ายิ่งบ่อย ก็จะไปกระตุ้มการทำงานของต่อมไขมันมากขึ้น หมอผิวหนังส่วนใหญ่จะแนะนำให้ล้างหน้าวันละแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว และเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่มีสาร MAP ที่ช่วยลดความมัน ส่วนเกินแต่ไม่ทำลายน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติแต่ถ้าอยากจะประหยัดสตางค์ ลองสูตรนี้กันดูค่ะนำเปลือกแตงโม มาล้างให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆนำไปปั่น กรองเอาแต่น้ำ นำมาล้างหน้า ทิ้งไว้สัก15 นาที จึงค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า จะช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อย่างดีทีเดียว หรือจะใช้สัปปะรดก็ได้นำเนื้อสัปปะรดเปรี้ยวๆสัก 1 เสี้ยว มาสับให้ละเอียด ถ้าคิดจะทุ่นแรงด้วยเครื่องปั่นก็ไม่ต้องปั่นให้ละเอียดนัก นำมาพอกหน้าแล้วทิ้งไว้สัก 10 นาที ช่วยลดควมมันของใบหน้าได้แล้วยัง ช่วยให้ผิวดูสดใสอีกด้วย หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านี้ โยเกิร์ตที่เราทานเหลือติดก้นถ้วย นำมาทำมาส์คพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันได้อย่างดีเยี่ยม

2. สาวผิวแห้ง

ควรเลือกสบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ค่อนข้างอ่อน แต่ถ้ามีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ด้วย จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว หรือจะเลือกใช้ของธรรมชาติมาบำรุงผิว ก็ไม่ยาก กล้วยสุกๆ นี่แหล่ะ เป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับสาวผิวแห้งได้เป็นอย่างดี วิธีเพิ่มความงามก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เพียงนำกล้วยสุกมายีด้วยส้อมให้เละๆเข้าไว้ แล้วเติมน้ำมันมะกอกลงไปสักเล็กน้อย แค่ก็พอเหลว นำมาพอกหน้า ทิ้งไว้สัก20 นาทีแล้วจึงล้างออก เพียงแค่นี้ผิวก็จะสดใส มีน้ำมีนวลแล้วล่ะค่ะ

3. สาวผิวผสม

ใช้สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ช่วยลดความมันส่วนเกินเฉพาะบริเวณทีโซน ส่วนบริเวณอื่น ที่ดูแห้งนั้น ใช้สบู่อ่อนๆ เพื่อรักษาน้ำหล่อเลี้ยงผิวไว้ ไม่ให้ผิวดูแห้งจนเกินไป ส่วนสูตรเพิ่มความงามตามธรรมชาติสำหรับผิวผสมนั้น แนะนำว่าให้ใช้แตงกวาบดละเอียด แล้วผสมกับนมสด ลูบไล้ให้ทั่วผิวหน้า ทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงล้างออก ผิวหน้าจะนุ่มใสขึ้น

ผิวจะสวยใส ชวนมองนอกจากจะประณีตกับการล้างหน้าและพิถีพิถันกับการเลือกใช้ผลิตภัณท์ที่เหมาะกับสภาพผิวกันแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารประเภทผักสดและผลไม้ ที่อุดมด้วยวิตามินสำหรับบำรุงผิวพรรณ นอนหลับให้เต็มอิ่มรวมทั้งการออกกำลังกายกันเป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวพรรณสดใส มีน้ำมีนวล
และแลดูอ่อนเยาว์ตลอดกาล

เคล็ดลับการดูแลริมฝีปากให้เนียนนุ่มและอวบอิ่ม


ริมฝีปากนั้นเป็นจุดเย้ายวนให้ใครต่อใครหลงใหลในเสน่ห์ริมฝีปาก และยิ่งมีการแต่งเติมของสีสันลิปสติกแล้วยิ่งเป็นเพิ่มเสน่ห์อันน่าหลงใหลอีกอย่างหนึ่งของผู้หญิง แต่ริมฝีปากที่จะแลดูสุขภาพดีแม้ไม่พึ่งพาลิปสติกนั้นต้องเป็นริมฝีปากที่ดูสวยอวบอิ่มและชุ่มชื้น คงเป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลอีกหนึ่งอย่างบนใบหน้า ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากชายหนุ่มผู้พบเห็น บางคนที่เคยคิดว่าไม่สำคัญ ยังจะคิดแบบนั้นอีกไม่ได้แล้วไม่เช่นนั้นคุณจะกลายเป็นสาวสวยเจ้าของริมฝีปากแห้งซีดเต็มไปด้วยริ้วรอยไร้เสน่ห์แน่นอนเลยค่ะ


- ต้องการให้ริมฝีปากนุ่ม
ควรทาลิปบาล์ม หรือวาสลีนบนเรียวปากเป็นประจำ หรือไม่ก็ใช้ซีรั่มบำรุงเรียวปาก คลึงริมฝีปากก่อนนอน จะช่วยกระตุ้นให้ริมฝีปากดูนุ่มและชุ่มชื้น และอย่าลืมดื่มน้ำและควรดื่มน้ำที่ สะอาด บริสุทธิ์ ประมาณ วันละ 8 - 10 แก้ว จะช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื้นจากข้างใน

- ริมฝีปากเนียน
ให้ขัดริมฝีปากสัปดาห์ละครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันเด็ก ขนนุ่มสุด ๆ ขัดริมฝีปากในขณะที่แห้ง ขัดเบา ๆ ให้ทั่ว จะช่วยขจัดเซลล์เก่า ๆ ให้หลุดออก แล้วนวดด้วยวาสลีน จะช่วยให้ริมฝีปากเรียบเนียน ไม่แห้งแตกเป็นขุย

- ริมฝีปากไร้ริ้วรอย
ไม่อยากให้ริมฝีปากปรากฏร่องรอยเร็ววัน หมั่นฉีกยิ้มให้กว้างสุด แล้วขบฟันเข้าหากันให้แน่น ทำวันละ 20 ครั้ง จะช่วยบริหารเนื้อเยื่อที่พยุงผิวรอบปาก หรือแค่ยิ้มสวยทุกวัน ยิ้มให้มากเข้าไว้เหมือนเด็ก ๆ นอกจากช่วยบริหารเสน่ห์แล้ว ยังช่วยให้ริ้วรอยของเรียวปากไม่มาเยือนก่อนเวลาอันควร

- ริมฝีปากอวบอิ่ม ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีขาว วาดรอบปากบนเพื่อไฮไลต์ให้ริมฝีปากดูเต็ม แล้วเน้นขอบปากล่างด้วยดินสอสีน้ำตาล เสร็จแล้วใช้คอตตอนบัด เกลี่ยสีจากขอบปากบนลงบนเนื้อปาก แล้วใช้แปรงทาปากลงลิปสติกตามปกติ จะช่วยให้ปากอวบอิ่มขึ้น นอกจากนี้ การจูบชนิดเร่าร้อน ก็ช่วยนวดริมฝีปากให้ดูอิ่มเอิบ แดงระเรื่อ ได้เหมือนกัน ฉะนั้นจะรอช้าอยู่ใย สำหรับคนที่ยังไม่มีคนช่วยคงต้องรีบมองหาชายหนุ่มที่คุณอยากจูบให้เจอกันดีกว่า

5 วิธีจับโกหก...ว่าเขากำลังนอกใจคุณอยู่หรือเปล่า

คุณกำลังเกิดความสงสัยอยู่หรือเปล่า หรือมีใครพบเห็นอะไรแล้วมาบอกเล่าให้คุณฟังอีกที คุณอย่าเก็บความรู้สึกนี้ไว้เชียว มันจะติดอยู่ในใจ สร้างความทุกข์ให้กับคุณ หรือคุณจะประสาทเสียมากกว่านี้ รีบนำวิธีนี้ไปจัดการได้เลยค่ะ


1. วางแผนไปเที่ยวไกลๆ แบบนาทีสุดท้าย อย่างอยู่ๆ ก็ชวนตอนเช้าวันเสาร์ไปเที่ยวหัวหิน ถ้าเขาอ้ำอึ้งหรือดูไม่แน่ใจลังเล และพยายามหลบเลี่ยงบ่ายเบี่ยงสารพัด บางทีนี่อาจเป็นสัญญาณว่าเขากำลังดอกไปมีกิ๊ก

2. แอบสังเกตดูพฤติกรรม อาจจะเปลี่ยนไปจากที่เคย เช่น ชอบแต่งตัวหล่อๆ อยู่เสมอ (หมายถึงแต่งหล่อไปกว่าปกติ) ชอบใช้น้ำหอม และจู้จี้จุกจิกกับการแต่งตัวมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่ มีอะไรก็ใส่แบบนั้น

3. ถามตรงๆ แบบมองตาจะๆ “ฉันอยากหายข้องใจเสียที มีอะไรเล่าออกมาให้หมดเดี๋ยวนี้ กำลังแอบคบคนอื่นอยู่ด้วยใช่มั๊ย” แล้วสังเกตอาการด้วยว่าเขาตอบแบบหลบตาหรือเปล่า หรือแก้ตัวเสียงดังชวนทะเลาะ เชื่อเซนส์ของตัวเองเถอะ ไม่เคยพลาด!

4. เขาทำเสียงเข้มใส่คุณหรือเปล่า? คนที่กำลังหลอกลวงคนรักอยู่มักจะรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ แต่มันทำให้เขาแสดงออกด้วยความก้าวร้าว ปกป้องตัวเอง หรือพยายามแก้ตัวและโบ้ยความผิดให้คุณกลายเป็นคนผิดเสียเอง

5. ถ้าผู้ชายของคุณไม่ยอมรับว่าไปหาคนอื่นมา แต่พฤติกรรมของเขาก็ยังคงน่าสงสัยอยู่เหมือนเดิม คิดอีกทีแล้วกันว่านี่ควรค่าแก่การเสียเวลามาประสาทเสียหรือเปล่า? ถ้าไม่รวยพอๆกับ บิล เกตส์ หรือหล่อประมาณแบรด พิตต์ ก็ปล่อยเขาไปเถิด แต่ก็อีกนั่นแหละต่อให้เขาเลิศเลอกว่าใครๆ แล้ว แต่สิ่งที่เขากำลังกระทำอยู่ มันสร้างความทุกข์ใจ ทำให้คุณเสียสุขภาพจิต ไม่แน่ซักวันนึงคุณอาจจะเป็นบ้าไปซะก่อน ก็เลิกไปซะเถอะ หาอะไรที่มันประเทืองปัญญาทำ ชีวิตคุณจะมีความสุขมากกว่าแน่นอน


ระวังภัยจาก Taxi

เมื่อคุณสาวๆ ต้องใช้บริการรถ Taxi ทั้งในช่วงกลางวัน หรือยิ่งเป็นยามค่ำคืนดึกดื่นแล้วด้วยละก็ คุณจะรักษาความปลอดภัยของคุณเองได้อย่างไร
แต่ถ้าหากมีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องโดยสารรถ Taxi อย่างปลอดภัยก็ต้องมีทริคกันบ้างเล็กน้อย อันตรายจะได้ไม่มาใกล้ตัว


1. ควรใช้บริการรถ Taxi จากศูนย์บริการ เช่นเรียก 1681 จะปลอดภัยกว่า เพิ่มเงินอีกแค่ 20 บาท คุ้มค่ากับชีวิตทั้งชีวิต เพราะทางศูนย์จะมีข้อมูลเกี่ยวกับรถ แท็กซี่ ทุกคันในศูนย์ เช่น ชื่อ- ที่อยู่ของคนขับ เลขทะเบียนรถ เส้นทางและจุดหมายปลายทางต่างๆ ที่จะไปรับ- ส่ง ผู้โดยสาร และในรถแท็กซี่ ที่อยู่ในศูนย์ก็จะมีวิทยุติดตามกับศูนย์อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นจึงค่อนข้างไว้ใจได้มากกว่าการโบกเอาจากข้างถนน แถมถ้ามีการลืมของก็สามารถโทรเข้าไปขอความช่วงเหลือจากศูนย์ให้ติดต่อกับ Taxi ที่เราโดยสารมาได้ด้วย

2. ควรชวนคนขับคุยด้วยถ้อยคำสุภาพเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นมิตร

3. พอขึ้นรถบอกสถานที่ให้พนักงานขับรถเสร็จ ก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาเพื่อน ญาติ พี่น้อง ใครก็ได้ครับแล้วก็แจ้งให้เค้าทราบว่าตอนนี้นะขึ้นรถ Taxi จากที่ไหนจะไปที่ไหน ตอนนี้ถึงไหนแล้ว ทะเบียนรถอะไร คนขับชื่ออะไร ให้เค้ารู้ไว้ก่อน และต้องพูดให้คนขับได้ยินด้วยนะ ให้เค้ารู้นะว่าเนี่ยมีคนรู้ว่าเราขึ้นรถมากับเค้าแล้วนะไม่ใช่จะลากไปทำอะไรแล้วไม่มีใครรู้

4. หากทำทุกวิธีข้างต้นหมดแล้ว คนขับก็ยังดูท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ก็แกล้งเล่นละครบทนี้ไปเลย ว่าลืมซื้อของ รบกวนให้จอดตรงร้านค้าใกล้ๆ พอรถจอดก็รีบจ่ายเงินแล้วก็ลงรถไปเลย

5. ถ้าหากมีการดื่มเครื่องดื่มของมึนเมารู้สึกมึนงงพาลจะหลับเสียให้ได้ ขอแนะนำว่าอย่าเรียกรถ Taxi กลับบ้านเด็ดขาด ให้โทรเรียกคนที่บ้านหรือเพื่อนสนิทออกมารับจะปลอดภัยกว่าแน่นอน

สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อต้องนอนดึก

สำหรับสาวๆ ที่ชอบนอนดึก ๆ จำเป็นต้องอ่านเรื่องนี้ เพราะถ้ามัวแต่นอนดึกแล้วไม่ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง อาจจะทำให้เสียสุขภาพและหมดสวยได้ การพักผ่อนที่เพียงพอควรเข้านอนเวลา 3 ทุ่ม เนื่องจากร่างกายต้องการเวลา ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอขับของเสียตามอวัยวะ ต่าง ๆ ย่อยอาหารให้หมด และถ้ากินมื้อหนักในตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีกด้วย รับรองว่าคุณจะกลายเป็นสาวอ้วนแน่นอน เพราะไขมันเผาผลาญไม่หมดเลยทำให้เกิดการสะสมของไขมัน แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องนอนดึกแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องทำงาน ทำการบ้าน หรือติดงานอะไรก็ตาม ควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้


1. งดเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ เพราะย่อยยากลำไส้ต้องทำงานหนัก
2. ถ้าหากอยากกินเนื้อสัตว์ ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด ยิ่งเคี้ยวละเอียดมากเท่าไหร่ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระการทำงานของลำไส้
3. ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ หรือ น้ำอุ่นธรรมดา ผสม น้ำผึ้ง หรือถ้าไม่มีอะไรเลย น้ำอุ่นธรรมดา สัก 1 แก้ว ก็ได้
4. เวลานอน ควรทำให้ช่วงท้องกับฝ่าเท้าอบอุ่น โดยการห่มผ้า และหาถุงเท้ามาใส่
5. มื้อดึก ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น ผัก ผลไม้ นม ไข่ เนื้อปลา จะดีกว่า
6. ควรหลีกเลี่ยงน้ำเย็น น้ำอัดลม เพราะจะเพิ่มภาระทำให้ระบบภายในร่างกาย ร่างกายต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร จะทำให้ร่างกายต้องพยายามปรับอุณหภูมิ ให้อุ่นเหมาะสมก่อน แล้วจึงนำไปใช้

อย่าลืมหันมาใส่ใจกับสุขภาพกันบ้าง ด้วยการไม่นอนดึกมากจนเกินไป เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง

เคล็ดลับการเลือกน้ำหอม(How to Select a Fragrance)

ถ้าคุณอยากที่จะซื้อน้ำหอมกลิ่นใหม่ๆ ซักขวด แต่ก็มักจะปวดหัวกับการทดสอบกลิ่นหอมหลายๆ กลิ่นที่ผสมปนเปกันอยู่ตรงเคาน์เตอร์น้ำหอม ตามห้างสรรพสินค้า ก็หันมาลองใช้เคล็ดลับในการเลือกน้ำหอมตามวิธีดังต่อไปนี้ซิคะ


1. ให้พนักงานขายฉีดน้ำหอมใส่ข้อมือคุณแล้วกลับไปดมที่บ้าน
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดทีทำให้คุณรู้ได้อย่างแน่นอนว่าน้ำหอมขวดนั้นจะมีกลิ่นเช่นไร เวลาที่อยู่บนผิวของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังฉีดไปแล้วสองชั่วโมง

2. ถ้าอยากจะได้น้ำหอมติดมือกลับบ้านในวันที่ไปช้อปปิ้งนั้นเลย
ก็ลองฉีดน้ำหอมแล้วเดินออกมาดมดูข้างนอก หรืออย่างน้อยก็เดินออกมาให้ไกลจากเคาน์เตอร์น้ำหอมนั้นหน่อย หรือถ้าให้ดีก็เดินดูนั่นดูนี่ซักหนึ่งชั่วโมง เพื่อจะได้รู้อย่างแน่ชัดว่าเมื่อคุณเหงื่อออกแล้วน้ำหอมขวดนั้นจะมีกลิ่นยังไง

3. ถ้าคุณรู้ตัวว่าจะต้องดมน้ำหอมหลายกลิ่นกว่าจะเจอที่ถูกใจ
ก็อย่าลืมเอาเมล็ดกาแฟใส่ถุงพลาสติกติดกระเป๋าไปด้วย เพราะการดมเมล็ดกาแฟในระหว่างลองกลิ่นน้ำหอม ก็จะช่วยให้กลิ่นน้ำหอมแต่ละกลิ่นไม่ติดจมูกคุณจนก่อให้เกิดความสับสนในการดมได้

เมื่อคุณทราบเคล็ดลับแล้วก็อย่าลืมนำไปใช้นะคะ คุณจะได้ไม่เสียใจกับการตัดสินใจเลือกที่จะสอยน้ำหอมมาเพิ่มอีกซักกลิ่นหนึ่ง